posttoday

ศาลไม่ให้ประกัน "พุทธะอิสระ" ชี้มีพฤติการณ์คดีร้ายแรง-อัตราโทษสูง

24 พฤษภาคม 2561

ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว "พระพุทธะอิสระ" ชี้พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง มีอัตราโทษสูง พนักงานสอบสวนคัดค้านประกันตัว ได้รับการประกันชี้มีพฤติการณ์ร้ายแรง พร้อมเตรียมคุมเข้าเรือนจำ

ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว "พระพุทธะอิสระ" ชี้พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง มีอัตราโทษสูง พนักงานสอบสวนคัดค้านประกันตัว

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. หลังจาก พล.ต.ต.อภิชาติ สิริสิทธิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.), พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.5. บก.ป.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กองปราบฯและตำรวจคอมมานโด นำหมายจับศาลอาญา เข้าควบคุมตัว พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือ พระพุทธอิสระ ที่วัดอ้อน้อย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ในข้อหาสนับสนุนให้มีการปล้นทรัพย์ อั้งยี่ และซ่องโจร จากกรณีเมื่อครั้งการชุมนุมของ กปปส. ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมที่เวทีแจ้งวัฒนะซึ่งมี พระสุวิทย์ดูแล ได้ปล้นทรัพย์ เป็นอาวุธปืนของตำรวจสันติบาลไป

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งข้อหา แอบอ้างใช้พระปรมาภิไธย ภปร. และ ส.ก. กรณีสร้างพระเครื่องพระนาคปรก รุ่นหนึ่งในปฐพีด้วย ซึ่งเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 250 เเละ 252

ขณะที่ พระสุวิทย์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวมาฝากขังที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พร้อมคัดค้านการประกันตัว

ด้าน ทนายความ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 150,000 บาท ในคดีอั้งยี่ซ่องโจร และเงินสดจำนวน 850,000 บาทในคดีปลอมพระปรมาภิไธยฯ

ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น. ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พระพุทธะอิสระ ซึ่งศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ความหนัก-เบาของข้อหาในส่วนคดีอั้งยี่ซ่องโจร ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงและหลายข้อหา อีกทั้งมีผู้ร่วมกระทำผิดอีกหลายราย และผู้ต้องหาก็ยังเป็นบุคคลเดียวกับผู้ต้องหาในคดี ปลอมพระปรมาภิไธยฯ ประกอบกับพนักงานสอบสวน ก็คัดค้านการประกันตัวด้วย หากปล่อยชั่วคราวก็เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ในชั้นนี้จึงยังไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง

ส่วนคดี ปลอมพระปรมาภิไธยฯ ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ความหนัก-เบาของข้อหาแล้ว เห็นว่าการกระทำของผู้ต้องเป็นความผิดร้ายแรง และเกี่ยวพันกับคดีอั้งยี่ซ่องโจร หากปล่อยชั่วคราวก็เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ในชั้นนี้จึงยังไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้ว มีการนิมนต์พระสงฆ์ ชั้นผู้ใหญ่ 3 รูปจากสำนักพุทธศาสนา และเจ้าหน้าที่อีก 3 คนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาทำการสึกจากความเป็นพระ โดยถอดพระเหลือง แล้วให้สวมชุดขาว ซึ่งได้ทำการสึกภายในห้องควบคุมผู้ต้องขังของราชทัณฑ์ บริเวณใต้ถุนศาลที่มีสภาพมิดชิดบุคคลภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้ โดยเป็นส่วนเฉพาะของเจ้าหน้าที่เท่านั้น

จากนั้นเมื่อทำการสึกจากความเป็นสงฆ์แล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำรถกระบะของเรือนจำ มาจอดรอที่ทางออกห้องคุมขังดังกล่าว ก่อนคุมตัวอดีต พระพุทธะอิสระ ขึ้นรถกระบะของเรือนจำทันทีเพื่อนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขังนี้ต่อไป ซึ่งระหว่างถูกนำตัวขึ้นรถเรือนจำ มีประชาชนที่ศรัทธาถึงกับร้องไห้ พร้อมกับระบุว่า "ทำไมคนดีที่ต่อสู้เพื่อชาติและศาสนาจะต้องโดนอย่างนี้"

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า แม้ศาลยังไม่ให้ประกันตัว แต่หลังจากนี้ อดีตพระพุทธะอิสระ ยังสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายที่จะยื่นคำร้องขอประกันตัวใหม่ต่อศาลอาญา หรือยื่นอุทธรณ์การประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป ซึ่งการยื่นสามารถดำเนินการได้ตลอดในช่วงระยะฝากขังในคดีดังกล่าว