posttoday

ศาลยกฟ้องภรรยาอดีตพระมิตซูโอะ ลักทรัพย์

24 พฤษภาคม 2561

ศาล พิพากษา ยกฟ้อง "แอน” ภรรยาอดีตพระมิตซูโอะ ในคดีลักทรัพย์ บ. ภูเก็ตเพนนินซูลา กว่า 52 ล้าน

ศาล พิพากษา ยกฟ้อง "แอน” ภรรยาอดีตพระมิตซูโอะ ในคดีลักทรัพย์ บ. ภูเก็ตเพนนินซูลา กว่า 52 ล้าน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 พ.ค. ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2124/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 และหุ้นส่วนบริษัท ภูเก็ตเพนนินซูลา จำกัด ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสุทธิรัตน์หรือสุธาสินี หรือแอน มุตตามระ อายุ 57 ปี ประธานกรรมการ บจก.ภูเก็ตฯ ซึ่งดำเนินกิจการก่อสร้างโรงแรม และเป็นภรรยาของนายมิตซูโอะ ชิบาฮาชิ อายุ 67 ปี อดีตพระดังเจ้าอาวาสวัดสุนันทวราราม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ลักทรัพย์

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 9 ส.ค.- 2 ก.ย.53 ต่อเนื่องกัน นางสุทธิรัตน์ จำเลย ได้ลักเอาเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ได้รับคืนจากสำนักงานสรรพากร เขต 1 จำนวน 52,585,847 บาท นำเข้าบัญชีธนาคารของ บจก.ภูเก็ตฯ ก่อนที่จำเลยจะเบิกถอนเงินจำนวน 52,585,000 บาท ของบริษัทผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ของตัวเองโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จำเลยให้การปฏิเสธพร้อมต่อสู้คดี

ขณะที่วันนี้ นางสุทธิรัตน์ จำเลย ซึ่งได้รับการประกันตัว เดินทางมาพร้อมนายมิตซูโอะ สามี โดยมีคนใกล้ชิด 3-4 คนมาให้กำลังใจ พร้อมทนายความมาศาล

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน ที่นำสืบหักล้างกันแล้ว รับฟังได้ว่า ตามข้อตกลงในสัญญา จำเลยมีอำนาจดำเนินการเกี่ยวกับบริษัท โดยมีหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง และเมื่อมีการแจ้งให้รับเงินภาษีคืน จำเลยก็ได้ดำเนินการไปรับเช็ค แล้วนำเข้าธนาคารกรุงศรีฯ บัญชีกระแสรายวันของบริษัท หลังจากนั้นจำเลยได้เบิกเงินจำนวน 52,585,000 บาท เข้าบัญชีตนเองและบัญชีบุคคลอื่นบางส่วน ซึ่งจะเป็นความผิดลักทรัพย์หรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าเมื่อจำเลยนำเงินเข้าบัญชีบริษัทแล้ว เงินนั้นย่อมถือเป็นของบริษัท แต่การที่จำเลยได้เบิกเงินจากบัญชีมาจากทางนำสืบและพยานซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างโรงแรมให้กับบริษัทของจำเลย ฟังได้ว่าในการก่อสร้างโรงแรม บริษัทได้มีหนี้สินอยู่จำนวนมาก โดยจำเลยในฐานะผู้มีอำนาจก็ได้นำเงินลงทุนหมุนเวียน ไปชำระหนี้ในสัญญาร่วมทุน รวมทั้งหนี้กู้ยืมต่างๆ ที่บริษัทเคยดำเนินการมา

จึงเห็นว่าจำเลยเป็นผู้รับภาระหนี้สินของบริษัท กระทั่งเมื่อจำเลยได้รับเงินภาษีคืนมาแล้วก็ได้แจ้งไว้ในบัญชีตามพยานเอกสารของจำเลยที่แสดงไว้ ซึ่งทางนำสืบพบว่า จำเลยได้ถอนเงินจากบัญชีบริษัทเพื่อไปชำระภาระหนี้สิน ที่การกระทำเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้กระทำไปเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น แต่เป็นการแก้ปัญหากิจการภายในของบริษัทเอง โดยระหว่างนั้นหุ้นส่วนบริษัทอีกรายก็มีปัญหาขัดแย้งกับจำเลยอยู่จนเป็นคดีความหลายศาล พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยนำทรัพย์สินนั้นไปเพื่อประโยชน์ตนเอง จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น นางสุทธิรัตน์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม ภายหลังได้เดินทางกลับพร้อมสามีด้านหลังอาคารศาลอาญา โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ