posttoday

"ไพบูลย์" แฉพระผู้ใหญ่อมเงินทอนวัด-พบหลักฐานโอนเข้าบัญชีสีกา 25 ล้าน

18 พฤษภาคม 2561

ไพบูลย์ นิติตะวัน แฉ “พระผู้ใหญ่” อมเงินทอนวัด ระบุ พบหลักฐานโอนเงินเข้าบัญชีสีกาคนหนึ่ง 25 ล้านบาท

ไพบูลย์ นิติตะวัน แฉ “พระผู้ใหญ่” อมเงินทอนวัด ระบุ พบหลักฐานโอนเงินเข้าบัญชีสีกาคนหนึ่ง 25 ล้านบาท

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป กล่าวถึงกรณีกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ได้ตรวจพบการทุจริตในวัดใหญ่แห่งหนึ่งภายใน กทม. และมีพระชั้นผู้ใหญ่ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินดโดยพบว่ามีการนำเงินไปใช้ ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ทางสำนักพุทธศาสนา(พศ.)กำหนด จึงตรวจสอบเส้นทางการเงินกระทั่งพบว่าพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดดัง ได้โอนเงินงบประมาณที่ทางวัดได้รับมาจากทาง พศ.จำนวน 25 ล้านบาท จาก 30 ล้านบาท ไปให้กับ ผู้หญิงรายหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ จนนำไปสู่กรณีตำรวจกองปราบปราม เข้าทำการตรวจค้นบ้านตามที่เป็นข่าว ทราบว่าเป็นกระบวนการทุจริตงบประมาณแผ่นดินของพระชั้นผู้ใหญ่ ที่มีกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน และ อดีตผู้ว่าฯสตง.คนหนึ่ง ออกมาปกป้องพระผู้ใหญ่ โดยพยายามกดดัน แทรกแซง เจ้าหน้าทีของรัฐที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ทุกวิถีทาง

นายไพบูลย์ บอกวา ตอนนี้มีหลักฐานปรากฎแล้วว่า พระชั้นผู้ใหญ่ในระดับกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.)เฉพาะวัดนี้เบิกงบประมาณแผ่นดินอ้างว่า เพื่อใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปแล้วหลายร้อยล้าน ปีละ 60 ล้านบาท โดยกรณีนี้ นำเงินหลวงมาเข้าบัญชีวัด ที่ตนเป็นเจ้าอาวาส จากนั้นก็โอนเงิน 25 ล้านบาทเข้าบัญชีสีกา แล้วให้สีกาเบิกเงินเป็นแคชเชียร์เช็ดสั่งจ่ายคืนให้กับตนที่เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ระดับ กรรมการ มส แล้วก็นำไปใช้ต่อ

“พฤติกรรมเช่นนี้ ทำให้เชื่อได้ว่า เข้าข่ายเป็นการฟอกเงินที่ได้จากการทุจริตเงินหลวงที่รับการอุดหนุนจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งล่าสุดผมทราบว่า พระชั้นผู้ใหญ่ระดับกรรมการ มส.รายนี้ ขณะนี้กำลังอยู่ที่ต่างประเทศ จึงขอให้ทั้งกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน และ อดีตผู้ว่าฯสตง.คนที่ออกมารับรองความบริสุทธิ์ของพระชั้นผู้ใหญ่รายนี้ ได้หูตาสว่างขึ้นด้วย เพราะการที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอาผิดกับบุคคลที่ทุจริตเงินหลวงนั้น ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ หรือ พระชั้นผู้ใหญ่ก็ตาม การทำหน้าที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชนทั้งประเทศต่างให้การสนับสนุน การป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรับชั่นกันทั้งประเทศ

ดังนั้น จึงขอให้กลุ่มชาวพุทธและอดีตผู้ว่าสตง.หยุดการเคลื่อนไหวในทางที่ไม่ถูกต้อง เพราะอาจจะกลายเป็นเข้าข่ายสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดทุจริตเงินหลวง ทั้งที่เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ แต่กลับอาศัยพระพุทธศาสนามาแสวงหาประโยชน์เข้าตน โดยไม่ชอบด้วย ทั้งพระธรรมวินัยและกฏหมาย"

นายไพบูลย์ ระบุว่า เชื่อว่าการตรวจสอบทุจริตเงินหลวงของพระชั้นผู้ใหญ่ในระดับ กรรมการ มส.โดยหน่วยงานของรัฐ เช่น ปปง.จะสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินและขยายผลไปยังขบวนการหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก ถือเป็นความเข้มแข็งของการบังคับใช้กฏหมายของรัฐบาลนี้ และจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ นำไปสู่การปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ และการจัดการทรัพย์สินวัดและพระภิกษุให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย ตามแนวทางที่คณะผู้ก่อตั้งพรรคปชช. เสนอนโยบายแก้ไขปัญหาโดยให้มี พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ฉบับ “ธรรมาธิปไตย”ขึ้นมาใช้แทน

ที่มา ไพบูลย์ นิติตะวัน