posttoday

ศาลฎีกาเลื่อนพิพากษา 11 ตำรวจสน.พญาไทอุ้มสาวใหญ่ยัดข้อหาซุกยาบ้า

11 พฤษภาคม 2561

ศาลเลื่อนอ่านฎีการอบ 3 ยังไม่มีกำหนด ส่งสำนวนกลับศาลฎีกา หลังหนึ่งในจำเลยร่วมขอรับสารภาพ คดีฟ้อง “พ.ต.อ.สมิง”-ลูกน้องอุ้มสาวธุรกิจยัดข้อหาซุกยาบ้า

ศาลเลื่อนอ่านฎีการอบ 3 ยังไม่มีกำหนด ส่งสำนวนกลับศาลฎีกา หลังหนึ่งในจำเลยร่วมขอรับสารภาพ คดีฟ้อง “พ.ต.อ.สมิง”-ลูกน้องอุ้มสาวธุรกิจยัดข้อหาซุกยาบ้า

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11พค. ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นครั้งที่ 2 ในคดีหมายเลขดำ อ.830/2549 ที่ นางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน  อายุ 58 ปี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.สมิง รอดรัตษะ  อดีต สว.สส.สน.พญาไท ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผกก.ฝอ.สพฐ.1 , พ.ต.อ.พรรณศักดิ์ วรวิบูลย์สวัสดิ์ อดีต รอง สว.สส.สน.พญาไท (ปี 2560 ดำรงตำแหน่ง ผกก.ตม.จว.อุบลราชธานี ) , พ.ต.ท.กิตติพงษ์ สิมมาลี ( ปี 2558 ดำรงตแหน่ง สวป.สน.ร่มเกล้า) ,  พ.ต.ต.ภิญโญ แสงทิพย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสว.สส.สน.บางเขน , ด.ต.อภิทักษ์ แก้วเกลื่อน , ด.ต.อวยชัย ทับสุรีย์ , จ.ส.ต.บุญเรือง บุตรวงศ์ , จ.ส.ต.รุ่ง ทิพย์ขำ , จ.ส.ต. (หญิง) ศศิธร ทับสุรีย์ , ร.ต.อ.วันเผด็จ แท่นรัตน์ รอง สว.จร.สน.พญาไท และ ส.ต.ท.สุธรรม แย้มช่วย เป็นจำเลยที่ 1-11  (ทั้งหมดขณะเกิดเหตุปี 2548 เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท) ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เพื่อให้เกิดความเสียหายกับผู้อื่น , เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับรองหลักฐานฯ อันเป็นเท็จ, ผู้ใดแจ้งข้อความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่อัยการ ผู้ว่าคดีฯ, ผู้ใดขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต เสรีภาพ ทรัพย์สินฯ และผู้ใดหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นทำให้ปราศจากเสรีภาพฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 172, 309, 310 ทวิ

ซึ่งคดีนี้ นางกรองกาญจน์ โจทก์ยื่นฟ้อง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.48 จำเลยที่ 1-11 ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม นางกรองกาญจน์ โจทก์ โดยไม่มีหมายจับของศาล และใช้กำลังและอาวุธบังคับขืนใจโจทก์ให้ขึ้นรถยนต์ไปกับพวกจำเลย ซึ่งระหว่างนั้นใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้เพื่อข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพคดีมียาบ้าจำนวน 100 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งโจทก์ได้ปฏิเสธ แต่จำเลยไม่ยอมปล่อยตัวและไม่นำส่งพนักงานสอบสวนหรือพาไปยังสถานีตำรวจ กลับให้โจทก์พาไปโกดังของโจทก์เพื่อตรวจค้น แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แล้วจำเลยกับพวกกลับร่วมกันทำเอกสารการจับกุมและเอกสารอื่นๆ อันเป็นเท็จโดยบังคับให้โจทก์ลงลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าวได้จัดพิมพ์ไว้แล้วซึ่งมีข้อความว่ารับสารภาพ ซึ่งในส่วนของ พ.ต.ท.กิตติพงษ์ จำเลยที่ 3 , พ.ต.ต.ภิญโญ ที่ 4 ,ที่ ด.ต.อภิทักษ์ 5 นั้นโจทก์ไม่ได้ยื่นฎีกาหลังจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนยกฟ้อง ในชั้นฎีกา คงเหลือเพียง จำเลยที่ 1,2 ,  6 ,  7 , 8 , 9 , 10 , 11 รวม 8 คน

โดยวันนี้ พ.ต.อ.สมิง และอดีตลูกน้องตำรวจ ซึ่งได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์เดินทางมาศาล ส่วน นางกรองกาญจน์ ตัวโจทก์ไม่มาศาล ขณะที่วันนี้ กลุ่มจำเลยแยกย้ายกันเดินทางมาศาลและได้พยายามหลบเลี่ยงช่างภาพกับผู้สื่อข่าว ที่มารอถ่ายภาพทำข่าว โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ

ขณะที่เมื่อเวลา 09.35 น. ศาลได้มีคำสั่งเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เนื่องจาก  ร.ต.อ.วันเผด็จ แท่นรัตน์  จำเลยที่ 10 ยื่นคำร้องขอกลับคำให้การเป็นรับสารภาพและขอให้ศาลลงโทษสถานเบา ซึ่งศาลสอบถามคู่ความแล้วไม่คัดค้าน ศาลจึงส่งสำนวนและคำร้องของจำเลยที่ 10 กลับให้ศาลฎีกาพิจารณาอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่กำหนดวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในครั้งต่อไป เนื่องจากต้องรอให้ศาลฎีกาพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ซี่งภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจำเลยทั้งหมดแยกย้ายเดินทางกลับทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.52 เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเป็นลำดับขั้นตอน หากไม่เป็นความจริงก็ยากที่จะปั้นแต่งเรื่องขึ้นเอง และยังสอดคล้องกับหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ถึง ผบ.ตร. ลงฉบับวันที่ 22 ก.ย.48 ด้วย จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10 ,11 ทำผิดตามฟ้อง จึงให้ลงโทษฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ที่เป็นบทหนักสุด จำคุกคนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 6 ,9 ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติฯโดยมิชอบ และเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ ที่เป็นบทหนักสุดจำคุกคนละ 4 ปี โดยให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3, 4, 5
  
ต่อมาจำเลยที่ 1,2,6,7,8,9,10,11 ยื่นอุทธรณ์ กระทั่งมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.56 พิพากษาแก้เป็นให้ลดโทษ จำเลยที่ 1,2,7,10 เหลือจำคุกคนละ 4 ปี  และจำคุกจำเลยที่ 8 ,11 เหลือคนละ 3 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6,9 ส่วนจำเลยที่ 3,4,5,6 ก็พิพากษายืนให้ยกฟ้อง
 
อย่างไรก็ดี การเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาครั้งนี้ นับเป็นการเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 2 หลังจากนัดอ่านครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก พ.ต.อ.สมิง จำเลยที่ 1 และ จ.ส.ต.(หญิง) ศศิธร จำเลยที่ 9 ไม่มาศาลในวันดังกล่าวโดยยื่นใบรับรองแพทย์ อ้างเหตุป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล