posttoday

"สมเด็จพระสังฆราช"เตือนสงฆ์อย่าทุจริต

08 พฤษภาคม 2561

"สมเด็จพระสังฆราช" ย้ำพระสังฆาธิการทั่วประเทศเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายทำผิดก็ต้องได้รับโทษ

"สมเด็จพระสังฆราช" ย้ำพระสังฆาธิการทั่วประเทศเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายทำผิดก็ต้องได้รับโทษ

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) เสด็จเป็นประธานเปิดการประชุมพระสังฆาธิการทั่วประเทศ โดยมีพระสังฆาธิการตั้งแต่ระดับเจ้าคณะใหญ่หน เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เลขานุการเจ้าคณะจังหวัด และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาทว่า มหาเถรสมาคมรับสนอง พระราโชบายด้วยการประกาศให้พระสังฆาธิการ เจ้าอาวาส พระอุปัชฌาย์ และพระเถระทั้งหลาย เอาใจใส่ในการคัดกรองบุคคลผู้จะมาบรรพชาอุปสมบท การอบรมสั่งสอบพระภิกษุสามเณรในปกครอง กวดขันผู้อยู่ในปกครองหรือผู้เป็นศิษย์ให้ดำรงตนในกฎระเบียบ และพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ เจ้าคณะพระสังฆาธิการที่มาประชุมพร้อมเพรียงกันที่นี้ ทราบดีว่าท่านเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ซึ่งในกฎหมายของบ้านเมืองนั้น หากบุคคลใดมีตำแหน่งหน้าที่เป็นเจ้าพนักงาน ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน ดังนั้น ถ้าปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ บุคคลผู้เป็นเจ้าพนักงานก็ย่อมต้องได้รับผลร้ายตามกฎหมายของบ้านเมืองอย่างไม่มียกเว้น กฎหมายนั้นนับเป็นบรรทัดฐานที่หนักที่สุดของสังคม ถ้าไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืน ก็ต้องได้รับโทษตามบทบัญญัติ

ขณะเดียวกัน พระสงฆ์ทั้งหลายก็ล้วนเป็นบรรพชิต ยังมีบรรทัดฐานอีกระดับหนึ่งที่เรียกว่า พระธรรมวินัย คอยกำกับความประพฤติไว้ พระภิกษุสามเณรนั้น ถ้าดำรงตนอยู่ในพระธรรมวินัยได้ ก็ไม่ต้องไปวิตกกังวลใดๆ ว่ากฎหมายบ้านเมืองจะมาส่งผลร้ายอะไรแก่ตัวท่าน การประชุมครั้งนี้จึงขอย้ำเตือนให้ทุกท่านได้ศึกษาทบทวน ปฏิบัติการ และกวดขันผู้อยู่ในปกครองให้อยู่ภายใต้พระธรรมวินัย กฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่งอย่างเคร่งครัด และขอให้ปฏิบัติตามจริยาพระสังฆาธิการ เพื่อช่วยรักษาเชิดชูคณะสงฆ์ให้มั่นคงคู่ราชอาณาจักรไทย

นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วงขณะนี้ คือ โซเชียล มีเดียที่มีทั้งคุณและโทษ โดยเฉพาะ โทษที่ส่งผลต่อเด็ก เยาวชน รวมถึง พระภิกษุ สามเณร จึงขอฝากทาง คณะสงฆ์ให้ช่วยกันสร้างศีลธรรมสู่เด็กและเยาวชนเพื่อที่จะมีภูมิคุ้มกันในการที่จะเป็นเกราะคุ้มครองจากโซเชียล มีเดียที่จะมาทำร้ายได้ และขอชื่นชมคณะสงฆ์ที่จัดระเบียบห้ามจำหน่ายวัตถุมงคลในพระอุโบสถ

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้แผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ถือว่ามีความคืบหน้ามาก โดยรัฐบาลเห็นว่า การปฏิรูปจากภายในเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยมีเป้าหมาย 2 ประการ คือ 1.รักษาศรัทธาให้มั่นคงตามหลักธรรมคำสอนให้ยั่งยืน 2.ปฏิรูปให้พระสงฆ์และพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชน นอกจากนี้ปัญหาที่คณะสงฆ์พบ คือ เรื่องการบริหารจัดการ ถือว่าเป็นจุดอ่อนขององค์กรที่จะต้องมีการปรับ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า การตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดขณะนี้อยู่ภายใต้การ ดูแลของหน่วยงานกลาง ส่วนกรณีที่มี ชื่อของพระเถระเข้ามาเกี่ยวข้องในคดี ต่างๆ คงต้องปล่อยให้ระบบตรวจสอบ ดำเนินการไป