posttoday

"ครูปรีชา"ร้องศาลให้ไต่สวน "ทนายตั้ม" ละเมิดอำนาจศาล

03 พฤษภาคม 2561

ครูปรีชา มอบทนายยื่นคำร้องให้ศาลไต่สวน "ทนายษิทรา" ฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีนำคลิปเสียงไปเผยแพร่และทำหาย

ครูปรีชา มอบทนายยื่นคำร้องให้ศาลไต่สวน "ทนายษิทรา" ฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีนำคลิปเสียงไปเผยแพร่และทำหาย

จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายความประชาชน และทนายความทางฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ คู่กรณีของ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ในคดีลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้าน ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยระบุว่าแผ่นซีดีบันทึกคลิปเสียงนายปรีชาจำนวน 4,500 คลิปที่ตำรวจปอท.จัดทำขึ้นมาเพื่อเป็นหลักฐานในคดีหล่นหายในพื้นที่ตำบลตลาดกระทุ่มแบนนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ค. นายปรีชา กล่าวว่า คลิปเสียงดังกล่าวเป็นหลักฐานในกระบวนการยุติธรรม และเป็นหลักฐานในเรื่องของคดีความ ซึ่งการที่ นายษิทรา ซึ่งเป็นนักกฎหมาย เป็นทนายความ นำเอาคลิปเสียงดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนด้วยการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก และยังอ้างว่าได้ทำแผ่นซีดีคลิปเสียงดังกล่าวหายไป ตนจึงได้มอบหมายให้ นายสุพัฒน์ อดุลย์ศิริอังกูร ทนายความส่วนตัว ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี ขอให้ศาลไต่สวน และมีคำสั่งลงโทษ นายษิทรา ฐานละเมิดอำนาจศาล ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า นายษิทรา จะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่า ได้ทำซีดีหายจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นยังชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงด้วยว่า การที่ นายษิทรา ระบุว่า ได้นำแผ่นซีดีดังกล่าวใส่กระเป๋าไว้ ก่อนจะทำตกหล่นหายไป ก็เป็นการตอกย้ำว่า การที่ลอตเตอรี่ของตนหล่นหายนั้นเป็นเรื่องจริง และมีคนที่เก็บลอตเตอรี่ได้จริง

หากมีการนำคลิปเสียงดังกล่าวไปเผยแพร่ ก็จะต้องผ่านกระบวนการของศาล เพราะเป็นหลักฐานของกระบวนการยุติธรรม โดยต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย เพราะถือเป็นการละเมิดศาลและละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

"คลิปเสียงดังกล่าว ถูกระบุว่า เป็นเสียงผม แต่ผมยังไม่ได้ฟัง จึงไม่ทราบว่าเป็นคลิปของใครบ้าง ต้องขอฟังก่อน จึงจะตอบได้ว่าเป็นเสียงของผมหรือของใครกันแน่ ซึ่งทราบว่าทางทนายฝ่ายผมก็ได้ไปรับคลิปเสียงดังกล่าวมาแล้ว อยากฝากบอกผู้ที่รู้ว่าตัวเองกำลังละเมิดสิทธิของผู้อื่น ก็ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสียและเมื่อเราถูกละเมิด เราก็ต้องใช้สิทธิตามกฎหมาย ก็จะต้องมีการฟ้องร้องกันต่อไป"นายปรีชากล่าว

นายปรีชากล่าวว่า หลักฐานที่ตนเตรียมไว้สำหรับต่อสู้ในชั้นศาลมีทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานที่เป็นเอกสาร และบุคคลที่เป็นประจักษ์พยาน ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ และเห็นว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายๆ เรื่อง บุคคลเหล่านั้นจึงพร้อมที่จะมาเป็นพยานในศาลให้ ซึ่งมีหลายคนยังไม่เคยถูกพนักงานสอบสวนสอบปากคำเลยก็มี ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญที่ ทนายความของตนได้มาจากการลงพื้นที่ไปสอบถาม ตรวจสอบ และสำรวจด้วยตัวเอง จนได้พบกับพยานดังกล่าวที่จะมาเป็นพยานปากเอก ที่จะบอกได้ว่า เรื่องจริงคือลอตเตอรี่เป็นของตน และตนทำหล่นหายจริง