posttoday

ดีเอสไอแจงกรณี "บิลลี่" หายตัวอยู่ระหว่างกระบวนการรับเป็นคดีพิเศษ

19 เมษายน 2561

ดีเอสไอแจงกรณีการหายตัวของ "บิลลี่" อยู่ระหว่างขั้นตอนรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเสนอให้ที่ประชุมรับเป็นคดีพิเศษ

ดีเอสไอแจงกรณีการหายตัวของ "บิลลี่" อยู่ระหว่างขั้นตอนรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเสนอให้ที่ประชุมรับเป็นคดีพิเศษ

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ชี้แจงกรณีมีการเสนอข่าวทางสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ)ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ต่อกรณี นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่" นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่หายตัวไปในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เมื่อปี57 พร้อมระบุว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษปฏิเสธการรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ และได้เรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนและสอบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพนั้น

ดีเอสไอชี้แจงว่า

ข้อมูลกรณีดังกล่าวคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงอยู่มาก กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงขอชี้แจงทำความเข้าใจต่อสาธารณชน ดังนี้

1. นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ได้หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ระหว่างที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมในความผิดเก็บของป่าและถูกควบคุมตัวอยู่

2. พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน พื้นที่เกิดเหตุ ได้ดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมนายพอละจีฯ ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีอ้างว่าจับกุมนายพอละจีฯในความผิดเก็บของป่า แต่ปล่อยตัวไปโดยไม่ได้ดำเนินคดี และส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ สำนักงาน ป.ป.ท. แล้ว โดยเรื่องอยู่ระหว่างการไต่สวน

3. นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมีนอ ภรรยาของนายพอละจีฯ ได้ยื่นเรื่องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายพอละจี ฯอีกทางหนึ่ง และขอให้รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำงานโดยบูรณาการกับตำรวจภูธรภาค 7 และหน่วยงานในพื้นที่ ปัจจุบันสืบสวนเสร็จแล้ว เห็นว่าการหายตัวไปอาจเกิดจากการกระทำผิดอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงเสนอเรื่องต่อคณะอนุกรรมการคดีพิเศษ และคณะอนุกรรมการคดีพิเศษได้เสนอความเห็นควรรับเป็นคดีพิเศษต่อคณะกรรมการคดีพิเศษในการประชุมครั้งที่ผ่านมาแล้ว ในการประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษเห็นว่ายังขาดข้อมูลในส่วนที่คณะกรรมการ ป.ป.ท.ดำเนินการอยู่มาประกอบการพิจารณามีมติว่าไม่ซ้ำซ้อนกับอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ท. และเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบอำนาจการสอบสวน คณะกรรมการคดีพิเศษจึงมีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนดังกล่าว และนำเสนอเพื่อประกอบการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อมีมติในครั้งต่อไป

กรมสอบสวนคดีพิเศษยืนยันว่าการดำเนินการทุกประการเป็นไปตามกฎหมาย และเรื่องยังอยู่ในกระบวนการทำงาน มิใช่มีมติไม่รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้วตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด จึงชี้แจงมาเพื่อทราบ