posttoday

"มีเเต่คำสัญญาแต่ไร้ความคืบหน้า" เสียงจากแม่น้องบีม หวั่นอนาคตลูกไม่แน่นอน หลังมีปัญหาสันหลังคด

17 เมษายน 2561

"พรทิพย์" แม่น้องบีม เหยื่อทนายโกงเงิน 5 ล้าน เผยหวั่นใจไม่มีเงินดูเเลรักษาลูกในอนาคต หลังจำเลยติดคุก ไม่มีเงินให้สักบาท

"พรทิพย์" แม่น้องบีม เหยื่อทนายโกงเงิน 5 ล้าน เผยหวั่นใจไม่มีเงินดูเเลรักษาลูกในอนาคต หลังจำเลยติดคุก ไม่มีเงินให้สักบาท

กรณี น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ มารดา ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง อายุ 14 ปี ซึ่งพิการขา 2 ข้าง ต้องนั่งรถวีลแชร์ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุถูกรถพ่วง 18 ล้อ พุ่งชนรถยนต์ที่นั่งโดยสารในพื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2549 เป็นเหตุให้บิดาเสียชีวิต น.ส.พรทิพย์และน้องบีมบาดเจ็บสาหัส กลายเป็นผู้พิการตั้งแต่อายุ 2 ขวบ

จากนั้นบริษัทเจ้าของรถพ่วงคู่กรณีได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ 5 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า 2 แม่ลูกกลับถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายอาสา ที่รับว่าความคดีให้โกงเงินดังกล่าวไป

เวลาต่อมาจากการเรียกร้องและเป็นข่าวดังในสังคมช่วงเดือนกรกฏาคมปี 2560 นำไปสู่การฟ้องร้อง นายพิสิษฐ์ ทนายความในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันฉ้อโกงและยักยอกโดยเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นผู้มีอาชีพอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน โดยนายพิสิษฐ์ให้การรับสารภาพ ศาลมีคำพิพากษาให้จำคุก 5 ปี 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. น.ส.พรทิพย์ แสดงความกังวลกับโพสต์ทูเดย์ว่า คดีแพ่งที่ยื่นฟ้องนายพิสิษฐ์ฐานผิดสัญญาตัวแทนและเรียกทรัพย์คืนเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาทนั้น ไม่มีความคืบหน้า สภาทนายความและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เคยให้ความช่วยเหลือไร้คำตอบต่อสถานการณ์ล่าสุด

“คดีน่าจะจบไปเเล้วตั้งเเต่ทนายพิสิษฐ์ติดคุกไป ไม่มีทนายความรายการความคืบหน้าอะไรให้รับทราบเลย ที่ผ่านมาเขาดูแลตามหน้าที่ในช่วงเวลานั้น มีเเต่คำสัญญา บอกจะไม่ทิ้งเรา จะดูแลอย่างดี วันนี้กลับเงียบหายไป”

น.ส.พรทิพย์ บอกว่า ในช่วงเวลาที่สังคมให้ความสนใจได้รับเงินบริจาคจากบุคคล หน่วยงานต่างๆ และประชาชนรวมประมาณ 7 แสนบาท แม้จะเพียงพอดูแลค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแต่ยังรู้สึกกังวลใจต่ออนาคต

“เราไม่ค่อยกล้าใช้เงินเพราะเคยผ่านช่วงเวลาที่ไม่มีเงินสักบาทมาแล้ว”

เธอบอกด้วยว่า ปัจจุบันมีภาคเอกชนผู้ใจบุญบริจาคเงินเปิดร้านกาแฟให้กับน้องบีมเเละพาไปฝึกอบรมวิธีการทำ โดยเปิดร้านชื่อสตาร์ คอฟฟี่ขายภายในกรมชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทำให้พอมีรายรับดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ

“เปิดร้านมาได้ 2 เดือน บวกลบคูณหารค่าใช้จ่ายและกำไร ยังพอไปได้ จ่ายค่าเช่าบ้านและรายได้อื่นๆ คิดว่าอยู่ได้ เพียงแต่ที่รู้สึกเป็นกังวลคือ หากวันใดต้องรักษาอาการเจ็บป่วยของน้องบีมขึ้นมา กลัวจะเป็นปัญหา โดยเฉพาะตอนนี้น้องเริ่มมีปัญหาเรื่องกระดูกสันหลังคด ส่งผลต่ออาการปวดหลัง เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีตั้งแต่แรก”

"มีเเต่คำสัญญาแต่ไร้ความคืบหน้า" เสียงจากแม่น้องบีม หวั่นอนาคตลูกไม่แน่นอน หลังมีปัญหาสันหลังคด

ด้าน นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอิสระ บอกว่า แม้ศาลมีคำสั่งพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย แต่ปัญหาหลักคือการบังคับทรัพย์สิน เมื่ออดีตทนายความผู้นั้นไม่มีทรัพย์สินให้ทำการยึดอึกแล้ว ซึ่งนับเป็นเรื่องยากในการติดตาม

“แทบจะสิ้นหวังในการติดตามเรียกร้องเงินจากจำเลย คดีมีอายุความ 10 ปีก็จริง แต่ต่อให้เขาออกจากคุกมาแล้ว ก็คิดว่ายาก ขณะที่ความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐ ที่ผ่านมาเป็นการรับปากและสัญญากัน ถ้าเขาไม่ทำก็บังคับเขาไม่ได้ ผู้เสียหายคงทำได้เพียงวิงวอนไปทางผู้ใหญ่ที่เคยให้สัญญากันไว้” นายเกิดผลกล่าว

ต่อมา วัชณ์ธิป เเสดงมณี ทนายความที่ดูเเลครอบครัวน้องบีม บอกกับรายการต่างคนต่างคิด ช่องอมรินทร์ทีวี 34 ว่า คดีความทางเเพ่งอยู่ระหว่างกระบวนการทางศาล คืบหน้าตามกรอบเวลา เเละทนายพยายามหาวิธีเสาะหาทรัพย์สินตามมาให้ครอบครัวอย่างเต็มที่