เปิดใจ "อ้อม สุวนันท์" จบป.ตรี แต่เลือกเป็นคนกวาดถนนหวังสวัสดิการรักษาแม่
เปิดเบื้องหลังความคิดการตัดสินใจเลือกเป็นพนักงานรักษาความสะอาดของบัณฑิตหญิง “อ้อม สุวนันท์”
เปิดเบื้องหลังความคิดการตัดสินใจเลือกเป็นพนักงานรักษาความสะอาดของบัณฑิตหญิง “อ้อม สุวนันท์”
-------------------------
โดย...วรรณโชค ไชยสะอาด
ความสกปรกริมถนนและทางเท้าบริเวณหน้าสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ถูกจัดการด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวในมือของ อ้อม - สุวนันท์ เกตุเอี่ยม พนักงานรักษาความสะอาดของกรุงเทพมหานคร
หญิงสาววัย 23 ปี ที่เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีได้ไม่นาน รู้สึกเบื่อไม่เบาที่ต้องคอยตอบคำถามผู้คนว่าทำไมถึงเลือกทำอาชีพนี้
“จบปริญญาไม่จำเป็นจะต้องทำงานอยู่ในห้องแอร์หรือทำงานเงินเดือนเยอะๆ ขอแค่มีงานทำ มีเงินเดือนพอใช้ เหลือเก็บ มีเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก สบายใจ และสามารถตอบโจทย์ชีวิตด้านอื่นๆ แค่นี้ก็เป็นความสุขแล้ว” อ้อม สุวนันท์บอกในเบื้องต้นก่อนจะเปิดเผยเบื้องหลังการตัดสินใจ
ทุกอย่างเพื่อแม่
อ้อม สุวนันท์ เรียนจบจากคณะศึกษาศาสตร์ สาขาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมเมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวและคุณพ่อเสียชีวิตเมื่อเธออายุได้ 18 ปี ทำให้แทบทุกการตัดสินใจหลังจากนั้นมีเพื่อความสุขของแม่ ซึ่งรวมถึงการเข้าสมัครทำงานเป็นพนักงานรักษาความสะอาดของกรุงเทพมหานคร
“หนูทำงานมาแล้ว 9 เดือน จุดประสงค์หลักคือหวังสิทธิสวัสดิการในการรักษาคุณแม่ที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ลำพังให้หนูหาเงินจ่ายเองคงไม่มีปัญญา เดือนหนึ่งหลายหมื่นบาท ถ้าได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ ได้พึ่งเงินหลวง คงต่อชีวิตให้แม่ได้อีกไกล”
ก่อนที่สุวนันท์จะเข้ามารับบทบาทผู้ดูแลความสะอาดในเมืองหลวง เธอคุ้นเคยและคลุกคลีกับหน้าที่นี้มาตั้งแต่เด็ก เมื่อคุณแม่เป็นพนักงานรักษาความสะอาดของกทม.มานานกว่า 20 ปี
“หนูเห็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรังเกียจและรู้อยู่แล้วว่าวิธีการทำงานเป็นอย่างไร”
ทุกวันนี้สุวนันท์ เริ่มงานตั้งแต่เวลา 12.00 – 21.00 น. ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ในเขตลาดกระบัง ช่วงบริเวณหน้าสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในระยะ 800 – 900 เมตร
“หน้าที่หลักคือกวาดพื้น ส่วนงานอื่นๆ คือการพัฒนาพื้นที่ตามแต่ที่หัวหน้ามอบหมาย เช่น ล้างพื้นถนน ถางหญ้า งานตรงนี้ไม่ยาก แต่ต้องคอยระมัดระวัง เพราะเราทำงานอยู่บนถนน อันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ” อ้อมบอกและว่า กทม.กำลังจะยกระดับความปลอดภัยให้กับพนักงานมากขึ้นด้วยการเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มให้มีความสว่างกว่าที่เป็น
เงินเดือน 1.2 หมื่น - มีความสุขทั้งกายและใจ
ความสุขและความต้องการของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางคนต้องการทำงานในบริษัทชั้นนำของประเทศ ต้องการตำแหน่งหน้าที่ในระดับสูง แต่นั่นไม่ใช่กับสุวนันท์ ที่ปัจจุบันกำลังมีความสุขกายสบายใจกับค่าตอบแทนรวม 12,000 บาทต่อเดือน บทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนรวมถึงเพื่อนร่วมงานที่แสนน่ารัก
“เราเคยทำงานในบริษัทที่มีความกดดันมาก ต้องพบปะกับหลายๆ ฝ่าย ต่างความคิดเห็น มันไม่มีความสุข ผิดกับงานตรงนี้ เราโฟกัสได้อย่างชัดเจนว่าหน้าที่เราคืออะไร ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีใครคอยบังคับ มีเพื่อนๆ ร่วมงานที่น่ารัก หนูพอใจมากกับสิ่งที่เป็น ตอนมาสมัครงานหลายๆ คนก็ตกใจ เพราะเห็นวุฒิการศึกษา บอกว่าถ้ามีตำแหน่งอื่นๆ ว่างจะเอาเข้าไปนั่งในออฟฟิศ เราบอกว่าไม่เป็นอะไรเลย ไม่อยากเข้า อยากทำงานข้างนอก”
เป้าหมายระยะสั้นของสุวนันท์คือการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด รายได้เพิ่มขึ้นตามประสบการณ์และได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำในเร็ววันก่อนที่แม่ของเธอจะเกษียณอายุในอีก 3 ปีข้างหน้า
“ทุกวันนี้พอใจกับทุกอย่าง มีเงินให้แม่ มีเงินเหลือเก็บ ไม่ได้ลำบาก หวังว่าจะได้บรรจุไวๆ เพื่อได้สิทธิรักษาคุณแม่เท่านั้นเอง”
ฝากถึงพวกทิ้งขยะไม่ลงถัง
ในฐานะผู้พิทักษ์รักษาความสะอาด ขยะคือศัตรูที่เธอเรียกร้องให้มนุษย์กรุงเทพฯ ทุกคนตระหนัก คำนึงถึงความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม
“ทุกคนควรทิ้งขยะให้ลงถัง หน้าที่ของเราคือจัดการขยะก็จริง แต่ถ้างานเราเยอะ มันหมายความว่าผู้คนขาดความรับผิดชอบ ไม่มีระเบียบวินัย เราจะเหนื่อยกันมากกับขยะที่เปียกและก้นบุหรี่ พวกนี้กวาดยากและส่งผลกระทบในวงกว้าง บางคนทิ้งในสวนสาธารณะ ต้นไม้ ซึ่งมันไหม้ได้และปรับปรุงพื้นที่ยาก”
เธอทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มว่า ทุกคนมีต้นทุนชีวิต ความคิด โอกาสและตัวเลือกที่แตกต่างกัน ที่ผ่านมาเรียนจนจบปริญญาตรีเพื่อให้แม่ภาคภูมิใจ ขณะที่ปัจจุบันและอนาคตก็ขอเลือกโอกาสที่คิดว่าตอบโจทย์กับชีวิตของตัวเองมากที่สุด
“แม่มีเราคนเดียว อยากเห็นเราเรียนจบรับปริญญา อยากมีภาพลูกสาวแขวนฝาผนังบ้าน เราก็ทำเพื่อเขา วันนี้เราตัดสินใจเลือกอาชีพที่หลายคนอาจไม่เข้าใจ แม่ก็เคยเครียดเพราะเมื่อก่อนมีแต่คนพูดว่า ‘แกมาปล่อยให้ลูกทำงานแบบนี้ได้ยังไง’ จนเราถามแม่ว่า แม่อายไหมที่หนูทำงานแบบนี้ แม่ไม่ตอบและถามกลับว่า แล้วหนูอายไหมล่ะ หนูบอกไม่อายหรอก แม่สวนกลับมาว่า งั้นถ้าหนูไม่อาย แม่ก็ไม่อาย ใครจะพูดยังไงก็พูดไปปล่อยไป” สุวนันท์กล่าวในที่สุด