posttoday

ปภ.เผยไทยประสบวาตภัย17จังหวัดบ้านพัง656หลังคาเรือน

07 เมษายน 2561

ปภ.สั่งการเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยในพื้นที่17จังหวัดบ้านเรือนพังเสียหายแล้ว 656หลังคาเรือน

ปภ.สั่งการเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยในพื้นที่17จังหวัดบ้านเรือนพังเสียหายแล้ว 656หลังคาเรือน

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 2 - 6 เมษายน 2561 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 17 จังหวัด รวม 34 อำเภอ 52 ตำบล 94 หมู่บ้าน โดยมีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 656 หลัง แยกเป็นภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง เกิดวาตภัยในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภองาว อำเภอวังเหนือ อำเภอแม่พริก อำเภอเถิน อำเภอเสริมงาม อำเภอห้างฉัตร อำเภอเมืองปาน และอำเภอแจ้ห่ม รวม 12 ตำบล 213 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 172 หลัง, เชียงใหม่ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสันกำแพง อำเภอหางดง และอำเภอดอยสะเก็ด รวม 4 ตำบล 15 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 246 หลัง, แม่ฮ่องสอน เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอขุนยวม และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 14 หลัง, พะเยา เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา รวม 1 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 50 หลัง, แพร่ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอร้องกวาง รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 4 หลัง, เชียงราย เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอพาน รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 3 หลัง, เพชรบูรณ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอหนองไผ่ รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 23 หลัง และน่าน เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอปัว รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 8 หลัง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เลย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาแห้ว อำเภอนาแห้ว อำเภอภูเรือ และอำเภอภูหลวง รวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 9 หลัง, นครราชสีมา เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเทพารักษ์ รวม 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5 หลัง, บุรีรัมย์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้านบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5 หลัง, มหาสารคาม เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอกันทรวิชัย รวม 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 9 หลัง และหนองบัวลำภู เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอศรีบุญเรือง รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้านบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 3 หลัง

ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสรรพยา อำเภอเมืองชัยนาท และอำเภอสรรคบุรี รวม 5 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 28 หลัง, ฉะเชิงเทรา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพนมสารคาม อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอบางปะกง และอำเภอท่าตะเกียบ รวม 7 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 57 หลัง และลพบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอชัยบาดาล รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 10 หลัง

ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอนาเดิม รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 10 หลัง

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมินและจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหายเพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงวันที่ 7 เมษายน 2561 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง คลื่นสูง 2–3 เมตร ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศ ระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางพื้นที่ และคลื่นลมแรง

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ภาพประกอบข่าว