"สอนเพศศึกษาอย่างเปิดใจ" ทางแก้ปัญหาท้องก่อนวัยที่มากกว่า "ตู้ขายถุงยางในโรงเรียน"
ส่องมุมมองผู้คนในสังคมและบุคลากรทางการศึกษาและการแพทย์ต่อประเด็นการจำหน่ายถุงยางในโรงเรียน
ส่องมุมมองผู้คนในสังคมและบุคลากรทางการศึกษาและการแพทย์ต่อประเด็นการจำหน่ายถุงยางในโรงเรียน
**********************
โดย...พัชรีวรรณ มงคล
วัยรุ่นเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านอารมณ์ ฮอร์โมน นิสัยอยากรู้อยากลอง แต่ขาดความรู้และความเข้าใจเรื่องเพศบวกกับความเขินอายที่จะไปซื้อถุงยางอนามัย นำไปสู่ปัญหาระดับโลก อย่างการตั้งครรภ์ในวัยเรียน หรือโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์
“ตู้ขายถุงยางอนามัยแบบหยอดเหรียญในโรงเรียน” จึงเป็นหนึ่งทางเลือกหนึ่ง ที่หลายฝ่ายคิดว่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ แต่ทว่ามีหลายเสียงคัดค้านถึงความเหมาะสมของการติดตั้งตู้ถุงยางในโรงเรียน โดยมองว่า เยาวชนมีเสรีในการซื้อถุงยางเกินไปหรือไม่?
เห็นด้วยหรือไม่? หากมีตู้ถุงยางอนามัยในโรงเรียน
ปฏิพล พันทวี หรือ ก้อง เน็ตไอดอลที่เคยโด่งดังจากเพลง เสียใจแต่ไม่แคร์ ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะมีตู้ถุงยางอนามัยในโรงเรียน เพราะเหมือนเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะนักเรียนชาย เมื่อใช้บริการตู้หยอดเหรียญอาจถูกเพื่อนล้อ ถึงแม้จะตั้งอยู่ในที่ลับตา หรือแม้จะไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อก็อาจอายสายตาผู้อื่น
ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาคุณแม่ท้องในวัยเรียน อยากให้ครูหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เน้นการสอนเพื่อให้เห็นภาพ ไม่ควรสอนแต่เพียงทฤษฎี เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจเรื่องเพศ และหากโรงเรียนอยากให้นักเรียนรู้จักป้องกัน ควรมองเรื่องเพศเป็นเรื่องเสรี โดยการแจกถุงยางอนามัยฟรีที่ห้องพยาบาล เพื่อทำให้เป็นเรื่องที่เปิดเผย และลบความเขินอายของวัยรุ่น
เอ็ม (นามสมมติ) อาจารย์โรงเรียนแห่งหนึ่ง เล่าว่า ย้อนกลับไปในอดีตเราถูกสอนให้รู้เรื่องเพศศึกษา แต่ปัจจุบันจะรู้อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเข้าใจในมิติต่างๆให้มากขึ้น ซึ่งอาจถึงเวลาที่สังคมไทยต้องเข้าใจและยอมรับสิ่งเหล่านี้
วันนี้ต้องยอมรับว่า การห้ามเด็กไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรทำได้เพียงส่วนหนึ่ง ดังนั้นวิธีที่เหมาะสมและเป็นทางออกที่ดี คือ การมีตู้ถุงยางอนามัยไว้ในโรงเรียน ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่การส่งเสริมให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร แต่คือการให้นักเรียนเข้าถึงการป้องกันอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ตามมาไม่เพียงการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร แต่จะมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกมาก
“แน่นอนคงมีทั้งส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะให้ขายถุงยางในโรงเรียน แต่ในฐานะครูต้องสร้างความเข้าใจ ห้ามไม่ได้ก็ต้องทำให้รู้จักป้องกัน เราต้องมานั่งคุยความจริงที่เกิดขึ้นกัน และหาทางออกร่วมกัน การเปลี่ยนแปลง ย่อมมีการต่อต้านเป็นธรรมดาของสังคมไทย อย่ายึดติดกับอะไรเดิมๆ วิธีการบางอย่างอาจดีในอดีต แต่วันนี้อาจไม่ใช่”
แนน (นามสมมติ) ครูสอนวิชาสุขศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่ง มองว่า สังคมไทยไม่พร้อมที่จะให้เรื่องเพศเป็นเรื่องเสรี เพราะสังคมไทยไม่ได้สร้างเด็กมาเพื่อรองรับภาวะเสรีเรื่องเพศ ประเทศไทยมีจารีต ประเพณี วัฒนธรรม ต่างจากวัฒนธรรมต่างชาติที่มีความเสรีในทุกด้านรวมถึงเรื่องเพศ ดังนั้นหากมองเรื่องความเหมาะสมเรื่องการมีตู้ถุงยางในโรงเรียน จึงเสมือนดาบ 2 คม หากใช้ด้านดีก็จะเกิดประโยชน์ แต่หากใช้ผิดผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่คิด ดังนั้นสถาบันครอบครัวเป็นอันดับแรกต้องปลูกฝังเรื่องเพศตั้งเเต่ยังเด็ก การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ให้คำแนะนำ และพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อให้ลูกนำไปเป็นแบบอย่าง อย่าให้พวกเขาเหล่านั้นเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะมันเป็นเรื่องที่ผิด
"อย่าสอนตอนเป็นวัยรุ่น เพราะเขายากที่ฟังเเละเข้าใจ เเต่ควรปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ไม่เฉพาะเรื่องเพศเท่านั้น ต้องเสริมเรื่องความแตกต่าง การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน การอยู่ร่วมกัน ของเพศชายและหญิง"
สอนเรื่องเพศทางตรง ทำให้เด็กกล้าเปิดใจ
แพค แอดมินเพจ Sex Safe Safe เพจสื่อสารเรื่องเพศที่วัยรุ่นติดตามจำนวนมาก กล่าวว่า อยากให้ทุกคนที่เข้าใจเรื่องเพศผิดเกิดความกระจ่าง และรู้จักป้องกันให้ถูกวิธี โดยอาจนำเสนอในรูปแบบอินโฟกราฟิก เพราะการนำเนื้อหา ความรู้เรื่องเพศมาย่อยทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น การเลือกตัวการ์ตูนเเนวน่ารัก และเลือกใช้ภาษาพูดให้เข้าใจง่าย จะทำให้มองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ไม่เครียดหรือยุ่งยาก
แพค กล่าวเสริมว่า การที่เพจเลือกสื่อสารทางตรง ก็เพราะวัยรุ่นยุคนี้ มีภูมิคุ้มกันในเรื่องเพศ เเต่ในทางกลับกันความรู้ที่มีบางครั้งอาจเข้าใจอยู่บ้าง ดังนั้นจึงผลิตสื่อเพื่อให้เกิดความกระจ่างสามารถไขข้อสงสัยเรื่องเพศ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบเป็นอย่างดี
“เด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะผู้หญิงกล้าที่จะปรึกษาปัญหาเรื่องเพศ เเละเล่าความผิดพลาดของตัวเองผ่านทางช่องเเชทมาก เรื่องไหนที่เกินความสามารถของเพจก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบดูแลต่อไป”
คุณแม่วัยใสไทยพุ่ง เกินมาตรฐานองค์การอนามัยโลก
ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล นายกสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี เผยว่า สถิติจากกรมอนามัย ประเทศไทย พบว่ามีคุณเเม่วัยรุ่นมากถึง 13-15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนดมาตรฐานเฝ้าระวังสถานการณ์ตั้งครรภ์ของวัยรุ่นที่ต้องไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้รัฐบาลต้องออก พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ปี พ.ศ. 2559 เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ของวัยรุ่น
ดังนั้นมองว่า การตั้งตู้ถุงยางหยอดเหรียญในโรงเรียน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเด็กสามารถเข้าถึงและช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรได้ แต่เด็กอาจไม่กล้าซื้อถุงยางเพราะอาย แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ตู้ขายถุงยางมีทั่วไป เช่น ญี่ปุ่น ที่มีการเข้าถึง เเละเป็นการป้องกันโรคจากการมีเพศสัมพันธุ์ ส่วนข้อเสียก็คือ เด็กบางคนคิดไม่ได้ ซึ่งอาจกลายเป็นการส่งเสริมการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เนื่องจากเด็กอาจไม่ได้รับความรู้ เเต่ทั้งหมดที่ไม่สำคัญเท่ากับการสอนเรื่องเพศศึกษาให้ถูกต้อง เพราะเด็กจะสามารถเข้าใจเเละรู้วิธีป้องกัน
ศ.นพ.สุรศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า การมีถุงยางอนามัยในโรงเรียน หากมองด้านดีจะเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ลดการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เเต่ทางกลับกันจะเป็นการส่งเสริมให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ดังนั้นจึงยังไม่มีบทสรุปของการถกประเด็นดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้เเล้วแต่มุมมองของบุคคลว่าเห็นด้วยหรือไม่