posttoday

ปปท.ชงต้นสังกัดฟันวินัย34ผอ.ศูนย์คนไร้ที่พึ่ง พบ3บิ๊กพม.เอี่ยวโกงเงินคนจน

03 เมษายน 2561

ป.ป.ท. ส่งต้นสังกัดฟันวินัยผอ.ศูนย์คนไร้ที่พึ่งโกงงบคนจน 34 จังหวัด สอบพบ 3 บิ๊กพม.เอี่ยวทุจริตอนุมัติงบมีเงินไหลกลับเข้าบัญชีให้ป.ป.ช.สอบต่อ

ป.ป.ท. ส่งต้นสังกัดฟันวินัยผอ.ศูนย์คนไร้ที่พึ่งโกงงบคนจน 34 จังหวัด สอบพบ 3 บิ๊กพม.เอี่ยวทุจริตอนุมัติงบมีเงินไหลกลับเข้าบัญชีให้ป.ป.ช.สอบต่อ

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แถลงผลการตรวจสอบทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งว่าการตรวจสอบจังหวัดเป้าหมายเร่งด่วน 37 ศูนย์ที่มีงบประมาณตั้งแต่ 1ล้านบาทขึ้นไป ได้รับจัดสรรเงินสงเคราะห์ ผู้มีรายได้น้อย จำนวน 503,966,500 บาท พบความผิดใน 34 ศูนย์ยังไม่พบพฤติการณ์ทุจริตจ่ายเงินสงเคราะห์ 3 แห่ง แต่ต้องมีการตรวจสอบซ้ำคือ ปราจีนบุรี นครศรีธรรมราช และสิงห์บุรี แต่ในศูนย์ฯจ.สิงห์บุรี พบความผิดปกติในการจัดซื้อผ้าห่มเพื่อสงเคราะห์คนยากไร้ในราคาสูงกว่าท้องตลาดเช่น ผ้าห่มราคา 199 บาท แต่จัดซื้อในราคา 400 บาท

อย่างไรก็ตามป.ป.ท.จะตรวจสอบซ้ำในพื้นที่ที่ไม่พบความผิดปกติอีกครั้งและจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้พม.และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ดำเนินการทางวินัยและปกครองกับผอ.ศูนย์ฯ ที่พบหลักฐานการทุจริต และจะส่งข้อมูลถึงกระทรวงศึกษาธิการ ให้ย้ายผอ.โรงเรียนในจ.นครพนมที่มีพฤติการณ์สนับสนุนเจ้าหน้าที่ให้กระทำทุจริตและคุกคามพยานให้ออกนอกพื้นที่ 1 ราย

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจสอบในภาพรวม 76 จังหวัดพบพฤติการณ์การทุจริตแล้ว 56 ศูนย์ มีผู้ถูกกล่าวหา 96 รายซึ่งได้ส่งรายชื่อให้พม.และกรมสวัสดิการดำเนินการทาววินัยแล้ว ซึ่งจำนวนนี้ป.ป.ท.เสนอบอร์ดตั้งอนุกรรมการไต่สวนแล้ว 19 แห่ง ในวันที่ 5 เม.ย.นี้จะเสนอบอร์ดตั้งอนุกรรมการไต่สวนอีก 24 แห่ง ทั้งนี้ในระหว่างการตรวจสอบมีการแจ้งเบาะแสข่าวเข้ามายังป.ป.ท.หลายช่องทางว่ามีบุคคลภายนอกศูนย์ฯเกี่ยวข้องกับการทุจริต ป.ป.ท.จึงอาศัยคำสั่ง คสช.ที่ 69/2557 ตั้งกรรมการขึ้น 1 ชุดเพื่อไต่สวน

ผลการตรวจสอบพบบุคคลเชื่อมโยงกับการทุจริตโดยเป็นผู้บริหารระดับสูงของกรมในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) จำนวน 3 ราย ข้าราชการระดับล่างในกรม 1 ราย ข้าราชการนอกกรม 1 รายและข้าราชการเกษียณมีพฤติการณ์อนุมัติงบประมาณและมีเส้นทางการเงินไหลกลับเข้ามา แต่ยังไม่ขอยืนยันว่าเป็นกรณีเงินทอนหรือไม่และไม่ขอระบุวงเงินที่ไหลกลับเข้ามายังผู้บริหารระดับสูงของพม.

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังตรวจสอบในเชิงลึกรวมทั้งส่งรายชื่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย หากพบความผิดปกติสามารถอายัดทรัพย์ได้ทันที

เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวอีกว่าสำหรับผู้บริหารระดับสูงของพม.ที่ตรวจสอบพบความเชื่อมโยงกับเงินที่ได้จากการทุจริตเงินสงเคราะห์เป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งในปี 2560 และมีอีก 1 รายเป็นข้าราชการนอกประจำการ

อย่างไรก็ตาม เมื่อผลการตรวจสอบพบความเชื่อมโยงถึงผู้บริหารระดับสูงซึ่งอยู่นอกอำนาจการสอบสวนของป.ป.ท.จำเป็นต้องเสนอบอร์ดเพื่อส่งต่อสำนวนไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) โดยจะหารือร่วมกันว่าจะเป็นการโอนสำนวนเฉพาะส่วนที่เป็นข้าราชการระดับสูงหรือจะโอนสำนวนการตรวจสอบทั้ง 76 ศูนย์ไปให้ป.ป.ช.ดำเนินการทั้งหมด

นอกจากนี้ ป.ป.ท.ยังตรวจสอบศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่,ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่และนิคมสร้างตนเอง จำนวน 5 แห่งซึ่งบอร์ดป.ป.ท.พิจารณาแล้วให้ส่งเรื่องนิคมสร้างตนเอง 3จังหวัดให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาและตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนิคมสร้างตนเองเชียงพิณ,ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่

"คาดว่าการตรวจสอบทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในเดือนเม.ย.นี้"เลขาธิการป.ป.ท.ระบุ