"ครูปรีชา"ร้อง ยธ. ขอดีเอสไอรับคดีหวย30ล้านเป็นคดีพิเศษ
ครูปรีชา ร้องกระทรวงยุติธรรม ขอดีเอสไอรับคดีหวย 30 ล้านเป็นคดีพิเศษ ยืนยันเป็นเจ้าของหวยตัวจริง ชี้ตำรวจลำเอียงทำคดีไม่มีมาตรฐาน
ครูปรีชา ร้องกระทรวงยุติธรรม ขอดีเอสไอรับคดีหวย 30 ล้านเป็นคดีพิเศษ ยืนยันเป็นเจ้าของหวยตัวจริง ชี้ตำรวจลำเอียงทำคดีไม่มีมาตรฐาน
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. นายปรีชา ใคร่ครวญ คู่กรณีในคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท พร้อมด้วย น.ส.รัตนาภารณ์ สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าขายลอตเตอรี่และทนายความเดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีหวย 30 ล้านเป็นคดีพิเศษ โดยมีนายบำนาญ สุวรรณรักษ์ หัวหน้าศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับคำร้อง
นายปรีชา กล่าวว่า ตนเป็นข้าราชการซี 8 ถือเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่การที่กล้าบอกว่าลอตเตอรี่ในกระเป๋าของคนอื่นเป็นของเราต้องมีความมั่นใจว่าเราซื้อจริง
"สิ่งที่เกิดขึ้นฝากถามไปยังนายจรูญว่าถ้าซื้อลอตเตอรี่เองในฐานะที่เป็นคนไทยถ้าถูกหวยต้องตามหาแม่ค้าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เขานำโชคลาภมาให้แต่จนถึงวันนี้ไม่มีแม้ค้าคนใดแสดงตัวว่าเป็นผู้ขายหวยให้นายจรูญเลย"
นายปรีชากล่าวว่า อยากถามสื่อว่ามีใครเคยซื้อลอตเตอรี่หรือไม่ และ ทราบหรือไม่ว่ายิ่งใกล้เวลาหวยจะออก เลขดังไม่มีขายบนแผง เลขมงคล เพราะวันที่ 31 ต.ค.จะมีหวยบนแผงหรือไม่ เลข 26 ในวันนั้นไม่มีขายแน่นอนสั่งซื้อก็ไม่ได้ต้องเป็นลูกค้าประจำจริงๆการที่สื่อไปลงว่าตนแจ้งความเท็จนั้น ขอถามกลับว่าสรุปได้อย่างไรว่าเป็นการแจ้งความเท็จ เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสินคดีและตนยังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น
นายปรีชา ยังกล่าวถึงคลิปเสียงที่หลุดออกมา 4 คลิปว่าได้ชี้แจงกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และทางกองปราบไปแล้ว โดยทางตำรวจภาค 7ก็แถลงว่าลอตเตอรี่เป็นของตน จึงมั่นใจว่าเป็นของตน ส่วนที่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับร.ต.ท.จรูญ เป็นการลงบันทึกประจำวันเพื่อยืนยันว่า ลอตเตอรี่ของตนหายจริง ซึ่งการสอบสวนของตำรวจก็ต้องติดตามว่า ลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวอยู่ที่ใด
หลังจากนี้จะเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อยื่นคำร้องขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนในคดีต่อไป
สำหรับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า บชก.ร่วมกันแจ้งขอกล่าวหากับนายปรีชาและพยาน ฐานร่วมแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จเป็นพฤติการณ์ที่ไม่เป็นธรรมโดยมีรายละเอียดดังนี้
1. เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 61 ตำรวจภูธรภาค 7สรุปความเห็นจะดำเนินคดีในข้อหาเก็บของตกหล่นยักยอกทรัพย์และรับของโจรแต่ยังไม่ได้ออกหมายเลขผบ.ตร.ได้มีคำสั่งโอนคดีไปให้กองบัญชาการสอบสวนกลางและกองปราบปรามรับผิดชอบ ภายหลังการโอนคดีได้สอบปากคำนายปรีชาและพยานในลักษณะข่มขู่ ชี้นำ โน้มน้าวกดดัน ด้วยวิธีการต่างๆ นานถึง 18 ชม.
นอกจากนี้ในการสอบสวนยังมีการอ้างและมีการติดต่อสื่อสารมาใช้ในการสอบสวนโดยมิชอบเนื่องจากไม่ได้ขอหมายจากศาลหรือมีคำสั่งศาลเกี่ยวกับการตรวจหรือเปิดเผยข้อมูลการสื่อสารแต่อย่างใดซึ่งการกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ
2.วันที่ 28 กพ.61 ผบ.ตร.แถลงผลการสอบสวนในทำนองว่า นายปรีชาได้แจ้งหรือให้การอันเป็นเท็จต่อเจ้าหนักงานซึ่งขัดต่อหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์โดยไม่ปรากฏชัดเจนว่าหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นอย่างไรและนายปรีชาแจ้งความอันเป็นเท็จอย่างไร
นอกจากนี้ผบ.ตร.ยังได้ยกคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2530ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและคาดเคลื่อนจากความเป็นจริงเพราะคำพิพากษาศาลในฎีกากับคดีกับคดีที่กล่าวหานายปรีชาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในวันเดียวกันกองปราบก็ยื่นคำร้องต่อศาลให้ออกหมายจับนายปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นในขณะปฎิบัติหน้าที่สอนนักเรียนที่โรงเรียนเทพมงคลรังสีเพื่อให้เป็นข่าวครึกโครม ดังประหนึ่งว่านายปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นเป็นผู้ร้ายในคดีอุกฉกรรจ์และจับกุมเหมือนมีพฤติการณ์หลบหนีการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจขาดความเป็นมาตรฐานน่าเชื่อถือ ลำเอียงขัดแย้งต่อผลประโยชน์และความเป็นธรรม ขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
พนักงานสอบสวนได้ชักจูงบีบบังคับ โน้มน้าวให้นายปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นให้รับสารภาพซึ่งนายปรีชาจะรับสารภาพได้อย่างไรในเมื่อเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกคุมขังในห้องขังถึง 48 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนเชิญไปสอบปากคำได้ตลอดเวลาทั้งกลางวัน กลางคืนการกระทำดังกล่าวของกองปราบไม่มีมาตรฐานอีกทั้งคดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนหากเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติกรรมแสดงออกถึงความไม่เที่ยงธรรมจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมสร้างความคลางแคลงใจต่อประชาชนตนในฐานผู้เสียหายโดยตรงจึงขอให้สอบสวนด้วยความเป็นธรรมโดยย้ายคดีให้ดีเอสไอมาดำเนินการต่อ
ขณะที่นายบำนาญ กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบเอกสารการยื่นคำร้องของนายปรีชาทั้งหมดแล้วภายในวันนี้จะส่งคำร้องดังกล่าวให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้พิจารณาสั่งการไปยังดีเอสไอส่วนดีเอสไอจะรับคำร้องดังกล่าวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ
อย่างไรก็ตามการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมของนายปรีชามิสิทธิทำได้ตามกฎหมาย หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ภาพประกอบข่าว