posttoday

สั่งฟันอดีตผบก.กาญจน์ ชี้ วุฒิภาวะต่ำใช้ความเชื่อทำคดีหวย 30 ล้าน

09 มีนาคม 2561

ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดี อดีต ผบก.กาญจน์ ตามม.157ลั่นไม่มีมวยล้มต้มคนดู ด้าน ผบช.ก. เผย ขาดทักษะ วุฒิภาวะต่ำ ใช้ความเชื่อ ทำคดีหวย 30 ล้าน

ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดี อดีต ผบก.กาญจน์ ตามม.157ลั่นไม่มีมวยล้มต้มคนดู  ด้าน ผบช.ก. เผย ขาดทักษะ วุฒิภาวะต่ำ ใช้ความเชื่อ ทำคดีหวย 30 ล้าน

เมื่อวันที่  9 มี.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.พร้อมด้วยด้วยพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.และพล.ต.ต.พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.แถลงความคืบหน้าคดีพิพาทลอตเตอรี่ 30 ล้าน จ.กาญจนบุรี ระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังสี ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือลุงจรูญ อายุ 62 ปี อดีตข้าราชการตำรวจ ที่ต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ดังกล่าว เป็นรอบที่ 2

โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า หลังมีการออกหมายจับครูปรีชา กับนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าขายลอตเตอรี่ในตลาดเรดซิตี้ ผู้ต้องหาคดีแจ้งข้อความเท็จต่อพนักงานสอบสวนเพื่อแกล้งให้บุคคลอื่นต้องรับโทษ รวม 4 ข้อหา ในคดีหวย 30 ล้านบาท และต่อมา ศาลอาญาให้ประกันตัวไปสู้คดีตามกระบวนการ คดีนี้ผิดตั้งแต่กระดุมเม็ดแรกก็หมดผิด ซึ่งเริ่มต้นจากจ.กาญจนบุรี จึงสั่งการให้สอบสวนกลางลงพื้นที่ จนได้ความจริงในวันนี้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้การเมืองกาญจนบุรี เข้าไปยุ่งเหยิงพยาน เมื่อใครผิดก็ปลดออกหรือไล่ออก ไม่มีมวยล้มต้มคนดู

พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปราบการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. กล่าวว่า พนักงานสอบสวนที่ต้องถูกดำเนินคดี ตามที่ ผู้บังคับการกองปราบปรามร้องทุกข์มีการสอบสวนคดีสลากฯ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องอีก 2 นาย คือ คือ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ชุดทำงานเห็นว่า ต้องมีพยานยืนยันการกระทำผิดของ พล.ต.ต.สุทธิ จึงมีความเห็นกันตัวไว้เป็นพยาน เนื่องจากมีส่วนรู้เห็นการกระทำผิด ดังนั้น จึงมีการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เพียงคนเดียว

ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีความซับซ้อน เนื่องจาก ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ให้การน่าสงสัยตั้งแต่ต้น เพราะไม่สามารถจดจำอะไรได้เลย ไม่ชี้แจง และไม่มีพยาน ขณะที่ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา มีพยานจำนวนมาก ดูแล้วน่าเชื่อถือ แต่ตำรวจไม่สามารถทำงานจากความเชื่อได้ เพราะเมื่อสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่า การกล่าวอ้างเป็นเท็จทั้งหมด พร้อมมองว่าผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีไม่ได้ทำงานด้วยความทุจริต แต่ทำงานด้วยวุฒิภาวะต่ำ ขาดทักษะในการสอบสวน เพราะไม่พบว่ามีส่วนได้เสีย แต่การเข้าไปยุ่งเกี่ยวเปลี่ยนแปลงสำนวนคดี เกิดจากความเชื่อส่วนตัวว่า สลากฯ เป็นของครูปรีชา และพยายามทำให้เรื่องจบโดยเร็ว แต่ปัจจุบัน หลังถูกโยกย้ายออกนอกพื้นที่จากสภาพแวดล้อมเดิมๆ ทำให้ พล.ต.ต.สุทธิ มีทัศนคติที่เปลี่ยนไปแล้ว พร้อมจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มกองเชียร์ของทุกฝ่าย หากพบเข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็จำเป็นต้องดำเนินคดี

สำหรับขั้นตอนดำเนินการทางวินัย ตามหลักการผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของ พล.ต.ต.สุทธิ จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งกระบวนการจะเริ่มต้นหลังแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 157 แล้ว ส่วนจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าถ้าผู้ถูกกล่าวหายังอยู่แล้วเกิดความเสียหายกับทางราชการ หรือ เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน ก็จะถูกพักราชการไว้ก่อน

ด้าน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการกองวินัย (ผบก.วน.) เปิดเผยถึงพฤติการณ์ของ พล.ต.ต.สุทธิ อยู่ระหว่างพิจารณาว่าผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ ส่วนจะต้องให้ออกจากราชการหรือพักราชการไว้ก่อนต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจผู้บัญชาการในต้นสังกัด

ขณะที่ พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่าคดีนี้แบ่งออกเป็น 3 คดีคือ 1. ครูปรีชากล่าวหา ร.ต.ท.จรูญ ซึ่งคดีนี้จบแล้ว คดีที่ 2 ร.ต.ท.จรูญกล่าวหาครูปรีชา และ คดีที่ 3 ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ ซี่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีในคดีที่ 2และ3 เท่านั้น