ป.ป.ท.พบหลักฐานศูนย์คนไร้ที่พึ่งนครพนมส่อโกง 4 ประเด็น
เลขา ป.ป.ท. ลงพื้นที่ นครพนม พบหลักฐานศูนย์คนไร้ที่พึ่ง ส่อโกง 4 ประเด็น ติดสินบนชาวบ้าน50-100 บาทให้ปากคำช่วยเหลือ ผอ.ศูนย์ฯแถมสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือปีต่อไปหากผ่านตรวจสอบ ด้านชาวบ้านสุดทนอัดคลิปส่งป.ป.ท. แฉพฤติการณ์
เลขา ป.ป.ท. ลงพื้นที่ นครพนม พบหลักฐานศูนย์คนไร้ที่พึ่ง ส่อโกง 4 ประเด็น ติดสินบนชาวบ้าน50-100 บาทให้ปากคำช่วยเหลือ ผอ.ศูนย์ฯแถมสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือปีต่อไปหากผ่านตรวจสอบ ด้านชาวบ้านสุดทนอัดคลิปส่งป.ป.ท. แฉพฤติการณ์
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. พ.ท. กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ป.ป.ท. )พร้อมชุดปฏิบัติการป.ป.ท.ลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่อ.นาหว้า และอ.นาทม จ.นครพนมเนื่องจากได้รับหลักฐานทั้งคลิปภาพและเสียงเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือกับผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทุจริตเบิกจ่ายเงินทั้งยังมีพฤติการณ์ที่ส่อกระทำทุจริตจ่ายเงิน 50-100 บาทให้ชาวบ้านเป็นรายบุคคลเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ป.ป.ท. โดยระบุว่าขอให้ช่วยเหลือผอ.ศูนย์นครพนมฯและหากผ่านการตรวจสอบไปได้ก็จะนำเงินมาจ่ายคืนให้
“ต่อมาชาวบ้านที่เคยมาให้ปากคำไปแล้วได้ทราบข้อเท็จจริงว่ามีปัญหาการทุจริตและเงินไม่ถึงชาวบ้านจริงจึงเปลี่ยนใจให้ความร่วมมือพร้อมนำหลักฐานเป็นคลิปเสียงและคลิปวีดีโอบันทึกภาพเคลื่อนไหวของแกนนำที่มีการซักซ้อมชาวลบ้านให้ตอบคำถามเจ้าหน้าที่ป.ป.ท.เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯนครพรมซึ่งผู้ที่ซักซ้อมคำถามนั้นเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานอื่นพร้อมเสนอว่าจะให้การตอบแทนในโอกาสต่อไป”พ.ท.กรทิพย์ กล่าว
ประเด็นที่ 3 ชาวบ้านระบุว่า ศูนย์ฯให้ลงชื่อบนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนแต่ได้รับเงินค่าลงชื่อในเอกสาร 50 -100 บาทแต่มีการนำใบสำคัญรับเงินที่ชาวบ้านลงชื่อไปประกอบในการเบิกเงินกว่าหลายครั้ง คนละ 5,000 บาท. ประเด็นที่ 4มีการจ่ายเงินล่าช้า ใบรับเงินระบุวันที่จ่ายในปี 59 และ 60แต่ชาวบ้านเพิ่งได้รับเงิน โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งติดต่อให้มารับเงินเมื่อประมาณกลางเดือนก.พ.61ซึ่งทุกรายจะมีการรับเงินภายหลังมีข่าวการโกงเงินไร้ที่พึ่งทั้งนี้จากการตรวจสอบฎีกาเบิกจ่าย GFMIS พบว่าเงินออกวันที่ตามปรากฏในใบรับเงินแต่เพิ่งมีการจ่ายเงินย้อนหลังให้ชาวบ้านหลังจากเวลาล่วงไปแล้ว 8 เดือนโดยมีทั้งจ่ายเงิน ข้ามปีงบประมาณ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 147 , 157 ,161 ,162 อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีชาวบ้านจำนวนมากที่ไม่กล้าเปิดเผยความจริงในเรื่องดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับการสงเคราะห์ช่วยเหลือใดๆอีกและไม่อยากขึ้นศาล