posttoday

“ราชทัณฑ์"ลุยยกระดับการดูแลสิทธิผู้ต้องขังตามหลักสากล

13 กุมภาพันธ์ 2561

กรมราชทัณฑ์ ลุยยกระดับการดูแลสิทธิผู้ต้องขังตามหลักสากล จับมือสถานทูตอังกฤษพัฒนางานราชทัณฑ์

กรมราชทัณฑ์ ลุยยกระดับการดูแลสิทธิผู้ต้องขังตามหลักสากล จับมือสถานทูตอังกฤษพัฒนางานราชทัณฑ์

เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่กรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์   เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์และสถานทูตอังกฤษ โดย H.E. Mr. Brian Davidson เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ร่วมกันจัดแถลงข่าวและการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำคู่มือในการบริหารจัดการเรือนจำ และคู่มือใน การปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่เรือนจำ  ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์มีมาตรฐานและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้ง จะช่วยส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่กงสุลของสถานทูตต่างๆ ในประเทศไทยสามารถปฏิบัติงานได้คล่องตัวมากขึ้น

พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางในการปฏิบัติงานที่ชัดเจนขึ้น เป็นประโยชน์ต่อผู้ต้องขังและญาติ ตลอดจน ยกระดับงานราชทัณฑ์เข้าสู่มาตรฐานขั้นต่ำตามข้อกำหนดเมนเดลา ผ่านร่างมาตรฐานงานราชทัณฑ์ งานราชทัณฑ์ Standard Operating Procedures : SOPs โดยสอดคล้องกับพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560  และนอกจากนี้ได้รับเกียรติจาก ดร. นัทธี  จิตสว่าง ที่ปรึกษาสถานบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) บรรยายเรื่อง “ทิศทางโลกเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในงานราชทัณฑ์” (The World Directions in Human Rights and Correctional Service) แล ะMs. Gaewgarn Fungtong เจ้าหน้าที่การควบคุม (ICRC) บรรยายเรื่อง “การประสานโยบายกับ การปฏิบัติงาน” (Linking Policy and Practice)

พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ กล่าวว่า การวางมาตรฐานต่างๆ กรมราชทัณฑ์ได้ยึดหลักการสร้างความเข้าใจให้กับผู้ต้องขัง และอยู่บนพื้นฐานที่สามารถ ลดขั้นตอนในการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  อีกทั้ง ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์  จันทร์ชา  นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศ “วาระแห่งชาติ : สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้กรมราชทัณฑ์ จะได้ส่งเสริม สนับสนุน และผลักดันให้สอดคล้องกับวาระแห่งชาติดังกล่าว เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขัง  โดยมีเป้าหมายให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกันโดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อไปสู่สังคมสันติสุข และมีความหวังว่าทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนจะร่วมมือกันนำกรอบนโยบายของวาระแห่งขาตินี้ไปเพิ่มขีดความสามารถการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน และบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป