เผยคณะ "เปรมชัย" อ้างขอเข้าศึกษาธรรมชาติ ผอ.สำนักอนุรักษ์ชี้หลักฐานล่าสัตว์ชัด

ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าเผย คณะ "เปรมชัย" ได้ประสานแจ้งขอเข้าไปศึกษาธรรมชาติ ชี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐาน-พฤติกรรมล่าสัตว์ชัดเจน

น.ส.กาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงว่า การจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ พร้อมพวกที่เข้าไปล่าสัตว์ป่าในพื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก เบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้ยินเสียงปืน จึงขอกำลังเพิ่มเติมเพื่อเข้าตรวจสอบจนพบ

ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างบันทึกจับกุมที่ต้องมีความรอบคอบและรัดกุม เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ โดยมีเจ้าหน้าที่จากชุดพญาเสือ ลงพื้นที่เพื่อช่วยร่างบันทึกจับกุมพบหลักฐานและพฤติกรรมชัดเจน เช่นเดียวกับของกลางที่ยังคงอยู่ในพื้นที่ มีความผิดตามพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง มาตรา 19 ห้ามมิให้ครอบครองซากศัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง มาตรา36 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด

น.ส.กาญจนา กล่าวด้วย ว่า ยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เนื่องจากนักท่องเที่ยวทุกคนที่เข้ามายังพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ถือเป็นแขกของเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยกรณีดังกล่าว มีผู้ประสานมาผ่านหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว และหมายเลขโทรศัพท์ห้องทำงาน เพื่อขออนุญาตให้กลุ่มของนายเปรมชัยเข้าไปศึกษาธรรมชาติ ซึ่งได้แจ้งว่า ขอให้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต่อไป สำหรับขั้นตอนอนุญาตปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 5 วันทำการ แต่บางกรณีที่สามารถอนุมัติอย่างรวดเร็วได้ ก็สามารถเร่งดำเนินการได้

"ทางผู้ประสานแจ้งว่าจะขอเข้าไปศึกษาธรรมชาติ โดยระบุชื่อของนายเปรมชัย ซึ่งเราก็ไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร อย่างไรก็ตามผู้ประสานงานไม่ได้เป็นหนึ่งใน 4 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมแต่อย่างใด"น.ส.กาญจนา กล่าว

นอกจากนี้ การสำรวจโดยกลุ่มวิจัยสัตว์ป่า พบว่าในพื้นที่ป่าตะวันตก อาณาเขตประมาณ 11.7 ล้านไร่ มีเสือโคร่งประมาณ 100 ตัว มีเสือดาวและเสือดำ ประมาณ 100-130 ตัว ซึ่งราคาซากเสือโคร่งจะอยู่ที่ตัวละ 3 ล้านบาท เนื่องจากสามารถนำไปใช้ได้หลายส่วน แต่ซากเสือดำจะมีราคาต่ำกว่า