ผบ.ตร.แถลงยืนยัน "ณิชา" ไม่เกี่ยวข้องแก๊งโรแมนซ์สแกม
ผบ.ตร.แถลงยืนยัน "ณิชา" ไม่เกี่ยวข้องแก๊งโรแมนซ์สแกม เผยเจ้าหน้าที่จับผู้ต้องหาร่วมขบวนการได้ 4 คน
ผบ.ตร.แถลงยืนยัน "ณิชา" ไม่เกี่ยวข้องแก๊งโรแมนซ์สแกม เผยเจ้าหน้าที่จับผู้ต้องหาร่วมขบวนการได้ 4 คน
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงการจับกุมแก๊งโรแมนซ์สแกมที่ร่วมนำบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา เกียรติธนไพบูลย์ ไปเปิดบัญชีหลอกเหยื่อซื้อที่ดินจังหวัดตาก นำโดยพลตำรวจเอก
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า น.ส.ณิชา ไม่เกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีหลอกลวงเหยื่อซื้อที่ดิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการได้ 4 คนคือ นายไซมอน อีโก้ ชาวแคเมอรูนหัวหน้าแก๊ง, น.ส.ปวีณา สิงห์วิบูลย์, นางสาวเจรติ สายสิน และ น.ส.พรหมพร คุณากร โดย น.ส.ปวีณาและน.ส.พรหมพรทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารและทำบัตรเอทีเอ็มรวม 7 บัญชี จากนั้นจึงบัญชีส่งมอบให้นายไซมอน
ส่วน น.ส.เจรติ ทำหน้าที่เปิด 3 บัญชี และใช้บัตรประชาชน น.ส.ณิชา รวมทั้งเปิดเบอร์มือถือ 3 ค่าย 4 เบอร์
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนทำให้ทุกอย่างกระจ่างขึ้น สามารถตอบข้อสงสัยของสังคมได้ ตามพยาน หลักฐานที่ปรากฏขณะนี้ยังไม่พบว่านางสาวณิชามีความผิด ในคดีที่สภ.บ้านตาก ที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกง ถูกกลุ่มคนร้ายนำบัตรประชาชนที่น.ส.ณิชาทำหายไปแอบอ้างเปิดบัญชีและก่อเหตุหลอกลวงจริง การสืบสวนสอบสวนจนถึงขณะนี้ พิสูจน์ได้ว่า น.ส.ณิชา และครอบครัวบริสุทธิ์ ไม่มีความผิด ในทางคดีที่สภ.บ้านตาก พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานและสั่งไม่ฟ้อง น.ส.ณิชาต่อไป เพื่อให้ความเป็นธรรม
ส่วนเงินหมุนเวียนในบัญชีของน.ส.ณิชา จำนวน 6 ล้านบาท ที่มีการตั้งข้อสังเกตนั้น ตรวจสอบแล้วเป็นเงินหมุนเวียนตั้งแต่ปี 2554 ไม่มีความเชื่อมโยงกับการทำความผิด และไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยการคลี่คลายคดีดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้ความสำคัญและกำชับให้ช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสงสัยที่นางสาวณิชา ทำบัตรประชาชนหลายครั้ง และหายถึง 2 ครั้ง จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.นิชา ทำบัตรประชาชนหลายครั้งตามวงรอบที่กฎหมายกำหนดและทำหาย 2ครั้ง บัตรหายครั้งแรก คือบัตรที่ทำเป็นใบที่ 2 ทำหายที่ร้านสะดวกซื้อ และ น.ส.ปวีณา คนร้าย ได้แอบอ้างรับบัตรจากร้านสะดวกซื้อไป ก่อนจะนำไปเปิดสมุดบัญชีเงินฝากในเวลาต่อมา เรื่องนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องยืนยันแล้ว
อย่างไรก็ตามในส่วนที่พบว่ามีการโอนเงินจากน.ส.ปวีณา เข้าบัญชีจริงๆของ น.ส.ณิชา นั้นสืบสวนพบว่า เป็นเรื่องที่ น.ส.ปวีณา หักหลังกับนายไซม่อนเกี่ยวกับค่าจ้าง จึงโอนเงินเข้าบัญชีที่ตัวเองถือไว้ แต่เป็นชื่อ น.ส.ณิชา แต่ด้วยระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้่งที่ทำการเชื่อมโยงบัญชีของผู้ใช้ที่มีชื่อ สกุล เลขบัตรประชาชนเดียวกัน จึงเกิดความผิดพลาด ทำให้ น.ส.ปวีณา เผลอโอนเงินเข้าบัญชีที่บังเอิญเป็นบัญชีจริงๆของน.ส.ณิชา และเมื่อน.ส.ปวีณารู้ตัวว่าดันโอนเงินผิด เข้าบัญชีให้ น.ส.ณิชา ตัวจริง จึงเอาบัตรประชาชนของน.ส.ณิชาอันที่หายไปที่น.ส.ปวีณาถืออยู่ไปแอบอ้างกับธนาคารเพื่อถอนเงินกลับในทันที
"การสืบสวนพบว่า น.ส.ณิชา ไม่รู้เห็นเรื่องนี้จริงๆ เพราะเจ้าตัวไม่ได้ตั้งระบบเตือนการเคลื่อนไหวบัญชีทางข้อความ หรือเอสเอ็มเอสอเลิต เช่นเดียวกับประเด็นการโทรศัพท์ติดต่อกันโดยพบหมายเลขของน.ส.ณิชา ติดต่อกับกลุ่มคนร้าย และตอนแรกที่พบว่าน้องชายของน.ส.ณิชา ใช้เบอร์โทรที่เปิดโดยกลุุ่มคนร้ายนั้น ที่แท้ความเข้าใจผิด น.ส.ณิชาหลงลืมว่าเบอร์ดังกล่าวที่น้องชายใช้ ตัวเองเคยเปิดใช้สมัยเรียนมัธยม ทิ้งซิมไว้ จนน้องชายมาใช้ล็อคอินเฟซบุ๊ก ประเด็นนี้จึงสิ้นสงสัยเช่นกัน กรณี น.ส.ณิชา นั้นตำรวจกระจ่างทุกประเด็นไม่มีความสงสัยว่าเกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็คเตอร์ หรือโนแมนซ์สแกมแน่นอน"ผบ.ตร.กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว หารือกับตัวแทนธนาคารต่างๆ เพื่ออุดช่องโหว่ของธนาคาร ไม่ให้มิจฉาชีพก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อีก และขยายผลเครือข่ายนี้ ว่ามีผู้อื่นร่วมอีกหรือไม่ และมีการนำบัตรของผู้อื่นมาทำเช่นนี้อีกหรือไม่ แต่ตอนนี้พบเพียงกรณีของน.ส.ณิชา
ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีที่ น.ส.ณิชา ถูกคุมตัวที่สภ.บ้านตาก ถึง 2 คืนนั้น จนถึงขณะนี้พูดคุยแล้ว เจ้าตัวไม่ติดใจเอาความ แต่อย่างไรก็ตามน.ส.ณิชา มีสิทธิตามกฎหมาย สามารถไปร้องขอการเยียวยาที่คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมได้
ขณะที่ น.ส.ณิชา พร้อมพี่สาวเดินทางมามอบดอกไม้ให้กับ ผบ.ตร. และคณะทำงาน พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย โดยเฉพาะศูนย์ปราบคอลเซ็นเตอร์ ที่ทำให้ความจริงปรากฏและขอโทษที่เข้าใจผิดในกระบวนการทำงานของตำรวจ
น.ส.ณิชา กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ทุกอย่างคลี่คลาย แต่ก็มั่นใจแต่แรกว่าจะจบแบบนี้เพราะตนรู้ตัวดีว่าไม่ได้ทำผิด ขอลคุณตำรวจที่คลี่คลายเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียนให้กับตนเอง สังคม เป็นกรณีตัวอย่าง เรื่องแบบนี้สามารถเกิดได้กับทุกคน ถ้าใครที่เคยทำบัตรหายให้รีบไปแจ้งความ จะได้หาวิธีป้องกันให้ทันท่วงที ยอมรับว่าตั้งแต่เป็นข่าวปรากฏตามสื่อ การใช้ชีวิตค่อนข้างไม่ปกติ เพราะต้องเดินสายพบเจ้าหน้าที่ พบสื่อตลอด ส่วนจะมีการฟ้องธนาคารหรือไม่นั้น ขอปรึกษากับทนายความก่อน เพราะตนไม่มีความรู้ในด้านข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณทางครอบครัว เพื่อน พี่น้อง ที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด