posttoday

กทม.ฝนลดหนาวยาวอีก5วันเหนืออีสานอุณหภูมิลงฉับพลัน

11 มกราคม 2561

กทม.ฝนลดลง หนาวมาเยือน มีสิทธิได้สัมผัสอากาศหนาวต่ำกว่า 20 องศาฯ เหนือ-อีสานหนาวเย็นฉับพลัน ส่วนใต้คลื่นลมแรง

กทม.ฝนลดลง หนาวมาเยือน มีสิทธิได้สัมผัสอากาศหนาวต่ำกว่า 20 องศาฯ เหนือ-อีสานหนาวเย็นฉับพลัน ส่วนใต้คลื่นลมแรง

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศแจ้งเตือนว่า หลังจากฝนกระหน่ำกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ จราจรติดขัดทั่วกรุง จากนั้นนับตั้งแต่วันที่ 11-15 ม.ค. ทั้ง กทม.และปริมณฑลจะเจออากาศหนาวเย็นตามมาอีกระลอก โดยอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเชียส ซึ่งชาว กทม.และปริมณฑลมีสิทธิได้สัมผัสลมหนาวต่ำกว่า 20 องศาฯ

กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุอีกว่า ความกดอากาศสูงค่อนข้างแรงจากจีนจะแผ่เข้ามาปกคลุมไทยลึกที่สุดในช่วงเช้าวันที่ 13 ม.ค. โดยความกดอากาศสูงระลอกนี้อาจจะไม่แรงเท่าความกดอากาศสูงเมื่อช่วงวันที่ 20-21 ธ.ค. 2560 อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าของวันที่ 13 ม.ค. พื้นที่ กทม.น่าจะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส โดยอาจจะอยู่ที่ 17-18 องศาฯ

ขณะที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิลดฮวบ 6-8 องศาฯ โดยเฉพาะพื้นที่ จ.สกลนคร เมื่อเช้าวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ 15 องศาฯ ลดลงจากเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ถึง 7 องศาฯ เช่นเดียวกับ จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ อุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 20 องศาฯ  จากสภาพอากาศดังกล่าวทำให้ประชาชนชาวบ้านต้องพากันสวมเสื้อกันหนาว เพื่อสร้างความอบอุ่นให้ กับร่างกาย ตลอดทั้งต้องก่อกองไฟผิง เพื่อคลายความหนาวเย็น ส่วนภาคใต้ฝนตกบางพื้นที่และคลื่นลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอย อินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันที่ 10 ม.ค. อุณหภูมิต่ำสุดยอดดอยอินทนนท์ลดต่ำลงเหลือ 6 องศาฯ สูงสุด 15 องศาฯ แต่ไม่เกิด เหมยขาบ หรือน้ำค้างแข็ง ทำให้นักท่องเที่ยวกว่า 6,000 คน ผิดหวังที่ไม่มีปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง แต่สภาพอากาศที่หนาวจัดและแสงอาทิตย์ยามเช้ายังสร้างความประทับใจและเรียกเสียงฮือฮาในความสวยงามของธรรมชาติที่เห็นเป็นอย่างมาก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยหลังประชุม คสช.เกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคลากรของสำนักบริหารจัดการน้ำ ว่า สำนักบริหารจัดการน้ำต้องเกิดขึ้นเพื่อให้สอดคล้อง กับ พ.ร.บ.น้ำที่กำลังดำเนินการอยู่ เพราะทุกวันนี้รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง ดังนั้นสำนักบริหารจัดการน้ำจะบูรณาการจัดสรรแผนงาน ติดตาม นำข้อมูลจากหน่วยงานเกี่ยวกับเรื่องน้ำ มาบริหารจัดการทั้งในเขตชลประทาน นอกเขต 25 ลุ่มน้ำโครงการพระราชดำริ แต่หน่วยงานเดิมยังมีหน้าที่จัดสรรงบประมาณเพียงแต่จะต้องสอดคล้องกัน ทั้งนี้เพื่อช่วยกลั่นกรองไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อน มีผลเป็นรูปธรรม ซึ่งในส่วนบุคลากรอำนาจหน้าที่ของสำนักงานจะมีมาตรา 44 ออกมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะที่ทางสำนักบริหารจัดการน้ำเตือนว่าจากการวิเคราะห์ตามหลักอุตุนิยมวิทยาจะเกิดปรากฏการณ์ลานินญาขึ้นในเอเชียและประเทศไทย มีฝนตกนอกฤดูกาลมากกว่าปกติ ทำให้อาจจะมีน้ำลงมาเร็วมากขึ้นในบางช่วง ถ้าไม่เกิดก็แล้วไป แต่ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมไว้ว่าจะพร่องน้ำอย่างไร ปัจจุบันปริมาณน้ำในเขื่อนขณะนี้ 84% ซึ่งไม่เคยสูงเท่านี้มาก่อน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ถ้าไม่บริหารจัดการน้ำตั้งแต่แรกก็จะมีน้ำเหลือเท่าวันนี้ และหากมีน้ำมาเติมนอกฤดูฝนจะทำอย่างไร ดังนั้นทางรัฐบาลจะต้อง เตรียมมาตรการรองรับไว้ ทั้งผันน้ำไปเก็บไว้ที่แก้มลิงต่างๆ ซึ่งการพร่องน้ำนั้นไม่ใช่พร่องออกทะเลหมด อย่างไรก็ตามวันข้างหน้าไทยประสบปัญหากับภัยแล้งก็ไม่มีน้ำใช้อีก ด้วยเหตุนี้ต้องบริหารจัดการน้ำทั้งระบบทุก  25  ลุ่มน้ำ ซึ่งการปล่อยน้ำสำนักบริหารจัดการน้ำจะเข้าดำเนินการดูแลบูรณาการ