posttoday

สาวร้องกองปราบฯถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี แถมถูกตร.จับกุม

09 มกราคม 2561

สาวร้องกองปราบฯถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง แถมยังถูกตำรวจจับกุมส่งฝากขังทันที

สาวร้องกองปราบฯถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง แถมยังถูกตำรวจจับกุมส่งฝากขังทันที

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. นางสาวณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ซึ่งถูกขโมยกระเป๋าสตางค์ที่มีบัตรประชาชนอยู่ และถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลักลอบนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชี แต่ละบัญชีมีการโอนย้ายเงินหลายแสนบาท  ก่อนที่จะถูกตำรวจออกหมายจับและได้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามฯ กระทั่งตำรวจท้องที่ จ.ตาก อายัดตัวไปโดยไม่ได้รับประกันตัว ต่อมาได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 8 ม.ค. จึงเข้าร้องเรียนกับกองปราบฯ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและปรึกษาเพื่อเอาผิดกับธนาครทั้ง 7 แห่ง

นางสาวณิชา พร้อมด้วย น.ส.ปุญญาดา ก๊กมาศ อายุ 33 ปี พี่สาว ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) และ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. (รับผิดชอบงานสอบสวน)  เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้ตำรวจกองปราบปรามช่วยติดตามคนร้ายที่นำบัตรประชาชนของตัวเองไปเปิดบัญชีธนาคาร โดยนำเอกสารหลักฐาน และคลิปวีดีโอคนร้ายขณะกำลังเปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว มามอบเป็นหลักฐาน

นางสาวณิชา กล่าวว่า ประมาณวันที่ 6 ต.ค.ปีที่ผ่านมา ได้โดยสารรถโดยสารจาก อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อไปที่ย่านหลักสอง เมื่อถึงที่หมายปรากฏว่ากระเป๋าเงินได้หายไป จึงได้อายัดบัตรเอทีเอ็มพร้อมกับเดินทางไปทำบัตรประชาชนในวันรุ่งขึ้น ต่อมาเมื่อราววันที่ 28  ธ.ค. ปีที่ผ่านมา ได้รับหมายเรียกจากตำรวจแต่วันดังกล่าวตนเองไม่อยู่บ้าน จากนั้นก็มีตำรวจเดินทางมาพร้อมหมายจับมาติดต่อที่บริษัทที่ทำงานเพื่อตามตัวแต่ตนเองไม่อยู่ 

เธอกล่าวว่า ได้ตัดสินใจเข้าพบกองปราบปรามในวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ทำให้ทราบว่ามีผู้นำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 ธนาคาร รวม 9 บัญชี แต่ละบัญชีมีการโอนย้ายเงินหลายแสนบาท  ซึ่งตามขั้นตอนทางตำรวจกองปราบได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ พร้อมส่งตัวไปยัง สภ.บ้านตาก จังหวัดตาก เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอน ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สภ.บ้านตาก ได้ส่งตัวฝากขังแต่ศาลไม่ให้ประกันตัว จนกระทั่งวานนี้ถึงได้รับการประกันตัว

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนตกเป็นเหยื่อจากการที่ทำเอกสารทางราชการหาย จึงขอความเป็นธรรมให้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับคนที่นำบัตรของตนเองไปใช้ ส่วนธนาคารก็อยากขอให้ทางธนาคารให้มีความรัดกุม ในการรับเปิดบัญชีหรือมีการตรวจสอบใบหน้า และหลักฐานของผู้เปิดบัญชี เพราะบัตรประชาชนที่คนร้ายนำไปใช้มีการแจ้งยกเลิกและทำบัตรใหม่ไปแล้ว  เพื่อป้องกันการถูกสวมบัตรประชาชนแบบตนเอง

ขณะที่ น.ส.ปุญญาดา พี่สาวของ น.ส.ณิชา กล่าวว่า ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำสำนวนของพนักงานสอบสวน สภ.บ้านตาก ว่า เหตุใดถึงมีการทำสำนวนว่ามีการจับกุมตัวน้องสาวตนเอง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว น้องสาวตนเองเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯด้วยตนเอง แต่ในใบสำนวนไม่ปรากฏว่าน้องสาวตนเองเดินทางเข้าพบ รวมถึงสำนวนการสอบสวนยังไม่มีความละเอียดรอบคอบ และไม่มีการสอบปากคำเพิ่มเติม หลังได้รับตัวจากกองปราบปราม แต่ส่งตัวน้องสาวตนเองไปฝากขังต่อศาลทันที โดยคดีนี้จะแจ้งดำเนินคดีกับธนาคารทั้งทางแพ่งและอาญาด้วย

ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี  กล่าวว่า ในตอนแรกที่ผู้เสียหายถูกตำรวจกองปราบจับนั้น เป็นการจับกุมตามหมายจับในห้วงปีใหม่ที่ได้ทุกหน่วยงานต่างดำเนินการ แต่กรณีนี้ทางผู้เสียหายได้เดินทางเข้ามอบตัวจึงได้ส่งตัวให้กับท้องที่เกิดเหตุดำเนินการตามขั้นตอน  ซึ่งเมื่อเรื่องราวปรากฏว่าผู้เสียหายถูกสวมบัตรเท่ากับว่าอยู่ในสถานะของเหยื่อของคนร้าย ซึ่งทางกองปราบปรามไม่นิ่งนอนใจ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมและทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็ว

ทั้งนี้ได้มอบหมายให้กับ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ พร้อมประสาน สภ.บ้านตาก โอนคดีทั้งหมดเพื่อให้กองปราบรับผิดชอบ ทั้งนี้เตรียมดำเนินการเอาผิดกับทางธนาคาร  พร้อมกับสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งดำเนินการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน

ตำรวจระบุว่าวงจรปิดภายในธนาคารแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะที่คนร้ายซึ่งเป็นหญิงคนหนึ่ง รูปร่างสันทัด สวมเสื้อสีดำ สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าอายุประมาณ 30 ปี เข้ามาเปิดบัญชีธนาคาร โดยใช้บัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ชุดสืบสวนเตรียมที่จะดำเนินการติดตามมาดำเนินคดี

สาวร้องกองปราบฯถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี แถมถูกตร.จับกุม

สาวร้องกองปราบฯถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี แถมถูกตร.จับกุม