posttoday

พิพากษาคุกหมื่นปี "ภูดิศ" จัดคอร์สแชร์ลูกโซ่ แต่ติดจริง20ปีชดใช้ 574ล้าน

29 ธันวาคม 2560

ศาลพิพากษาจำคุก "ภูดิศ กิตติธราดิลก" กรรมการบริษัทอินโนวิชั่นฯจัดคอร์สสัมมนาแชร์ลูกโซ่ 13,275 ปี แต่ติดจริง 20 ปี พร้อมชดใช้เหยื่อ 574 ล้านบาท

ศาลพิพากษาจำคุก "ภูดิศ กิตติธราดิลก" กรรมการบริษัทอินโนวิชั่นฯจัดคอร์สสัมมนาแชร์ลูกโซ่ 13,275 ปี แต่ติดจริง 20 ปี พร้อมชดใช้เหยื่อ 574 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 29 ธ.ค.60 เวลา 09.30 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3402/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัท เดอะซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ , บริษัท อินโนวิชั่นโฮลดิ้ง และ นายภูดิศ กิตติธราดิลก กรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ,343 และ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3-5 , 9 ,11, 12, 15 กับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

โดยคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.58 – 1 ก.ย. 59 จำเลยทั้งสามกับพวกอีกหลายคนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาร่วมลงทุนเพื่อดำเนินธุรกิจจัดหลักสูตรสัมมนาต่างๆ เช่นหลักสูตรเกี่ยวกับการเงินการลงทุนประกอบธุรกิจเสริมความงาม , ธุรกิจเต็นท์รถ , ธุรกิจส่งออกไปแอฟริกา , ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ , การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แล้วชักชวนให้ผู้เข้าสัมมนาร่วมลงทุนกับบริษัท โดยอ้างว่าจะจ่ายเงินปันผลตอบแทนให้กับสมาชิกที่ร่วมลงทุนอัตรา 1 % ต่อวันจากราคาแพ็คเกจที่ซื้อ ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลทุกสัปดาห์เป็นระยะเวลา 52 สัปดาห์ และหากผู้ใดสามารถชักชวนผู้อื่นมาซื้อแพ็คเกจด้วยบริษัทก็จะจ่ายผลตอบแทนเป็นค่าแนะนำในอัตรา 5 %ของยอดเงินที่ซื้อแพ็กเกจนอกเหนือจากเงินปันผลอีกนอกจากนี้ถ้าบอกให้คนที่มาซื้อแพ็คเกจชักชวนคนอื่นต่อไปเป็นทอดๆ คนที่ชักชวนก็จะได้ค่าตอบแทนเช่นเดียวกัน

และต่อมา จำเลยทั้งสาม ได้ร่วมกันฟอกเงินโดยรับโอนเงินที่ได้ทำผิดกฎหมายมาครอบครองอีก จำนวน 3,565,299.02 บาท เหตุเกิดที่แขวงห้วยขวาง กทม. และต่างจังหวัด ชั้นจับกุมและสอบสวนนายภูดิศ ให้การปฏิเสธ แต่จำเลย มาให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา

โดยวันนี้ ศาลเบิกตัว นายภูดิศ กิตติธราดิลก กรรมการบริษัท จำเลยที่ 3 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อฟังคำพิพากษา ซึ่งหลังจากตำรวจสน.ห้วยขวาง จับกุมตัวนายภูดิศ ได้ตามหมายจับศาลอาญา เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา นายภูดิศ ก็ถูกคุมขังในเรือนจำตลอดมาเพราะศาลไม่ให้ประกันตัว

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว รับฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-3 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 343 วรรคหนึ่ง ,  พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ ม.4 วรรคหนึ่ง ,12 ,15 วรรคหนึ่ง และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ม.5 (1) (2), 60 , 61 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 83 ซึ่งการกระทำของจำเลย เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นความผิดไป

โดยความผิดฉ้อโกง และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้นเป็นกรรมเดียวกันแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก นายภูดิศ กรรมการบริษัท จำเลยที่ 3 รวม 2,653 กระทงๆละ 5 ปีเป็นจำคุก 13,265 ปีกับให้จำคุกอีก 10 ปีฐานร่วมกันฟอกเงินด้วรวมจำคุก นายภูดิศ จำเลยที่ 3 ทุกความผิดแล้วมีกำหนดทั้งสิ้น 13,275 ปี

อย่างไรก็ตาม จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง จึงจำคุกนายภูดิศเป็นเวลา 6,637 ปี 6 เดือน แต่รวมโทษทุกกระทงความผิดที่อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีแล้วตามกฎหมายให้กำหนดโทษจำคุกสูงสุดได้ 20 ปี จึงจำคุกจำเลยที่ 3 ทั้งสิ้น 20 ปี

ส่วน บริษัทจำเลยที่ 1-2 ให้ปรับทั้งสิ้นรายละ 663,750,000 บาท และให้จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันคืนเงิน 574,188,781.22 บาท ให้แก่ผู้เสียหาย 2,653 รายด้วย พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คดีนี้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลงทุนได้แจ้งความร้องทุกข์ไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งปรากฏว่านายภูดิศ จำเลยรับสารภาพจึงไม่มีการสืบพยาน และศาลก็นัดฟังคำพิพากษาเลย

ซึ่งแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว มีการทำธุรกรรมมูลค่า 5,300 ล้าน มีสมาชิกประมาณ 40,000 ราย แต่มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความ 2,000 กว่าราย โดยคาดว่าหลังจากมีคำพิพากษาแล้ว ผู้เสียหายอาจจะเข้ามาร้องทุกข์เพิ่มเติม

"อยากฝากว่า คดีแชร์ลูกโซ่หรือแชร์คอร์สสัมมนา ศาลมีคำพิพากษาเป็นหมื่นปีแต่ลงโทษได้ไม่เกิน 20 ปี ตรงนี้เองผู้เสียหายจึงยังรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเมื่อออกจากคุกก็อาจจะออกมากระทำผิดซ้ำอีก จึงคิดว่าควรจะต้องแก้ข้อกฎหมายคดีแชร์ลูกโซ่ แก้จากจำคุก 3-5 ปีต่อกระทง เป็น7-10 ปี ต่อกระทงเพื่อให้ผู้ต้องหาได้รับโทษอย่างน้อย 50 ปี"นายสามารถกล่าว

สำหรับเรื่องการติดตามทรัพย์ ผู้เสียหายจะต้องไปร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ง. ส่วนปัญหาแชร์ลูกโซ่ที่ระบาดยังไม่มีหน่วยงานไหนลงมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนเกี่ยวกับการป้องปรามการกระทำความผิด ซึ่งกระทรวงยุติธรรมควรจะลงมาดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแชร์ลูกโซ่เพราะการจับกุมของตำรวจหรือดีเอสไอ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ