ปรับค่าแรงปีใหม่ไม่เท่ากัน

ประธานบอร์ดค่าจ้างเผยเป็นเรื่องยากที่จะปรับค่าจ้างเท่ากันทั่วประเทศ คาดประกาศได้ก่อนสิ้นปี

นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานคณะกรรมการค่าจ้าง เปิดเผยว่า การประกาศปรับขึ้นค่าจ้างประจำปี 2561 ที่จะใช้บังคับในวันที่ 1 ม.ค. 2561 จะมีขึ้นแน่นอน โดยคาดว่าจะมีการประชุมบอร์ดในช่วงก่อนปลายเดือน ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามคิดว่าคงไม่สามารถปรับขึ้นในอัตราเดียวกันทั่วประเทศตามที่มีการเรียกร้อง เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อค่าครองชีพ แต่ละจังหวัดมีความแตกต่างไม่เท่ากัน จึงมีผลในการคิดคำนวณปรับค่าจ้างในแต่ละจังหวัดด้วย

นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า การปรับค่าจ้างจำเป็นต้องเท่ากันทั่วประเทศโดยควรได้ 360 บาท/วัน จึงจะพออยู่ได้ทั้งครอบครัว โดยปัจจุบันรายได้ไม่พอ แต่ละคนมีหนี้สินเฉลี่ยต่อวันถึง 225.87 บาท

ทั้งนี้ รัฐบาลย้ำเสมอจะยึดหลักพัฒนาอย่างยั่งยืน พาประเทศให้ก้าวพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง แต่ถ้าค่าแรงขั้นต่ำยังไม่เพิ่มเท่ากันทั่วประเทศ ก็ยิ่งจะมีความเหลื่อมล้ำ

"การเพิ่มค่าแรงต้องมีการตรึงราคาสินค้าควบคู่ไปด้วย ไม่เช่นนั้นไม่เกิดประโยชน์ แต่ที่ผ่านมาเมื่อขึ้นค่าแรง รัฐบาลมักอ้างว่าสินค้าจะแพงขึ้น ทั้งที่ข้อเท็จจริงค่าจ้างแรงงานต่อผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์" นายสาวิทย์ กล่าว

นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า นายจ้างที่มีการปรับขึ้นค่าจ้างประจำปีให้กับลูกจ้างมีประมาณ 30% ดังนั้นลูกจ้างส่วนใหญ่จึงเฝ้ารอการประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำในทุกปี ที่จะได้รับปรับเพิ่มด้วย หากมีโครงสร้างค่าจ้างและการปรับเงินประจำปีแล้วอาจไม่จำเป็นต้องมีการประกาศปรับเพิ่มขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในทุกปี

น.ส.ธนพร วิจันทร์ รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า การสำรวจแรงงานเกือบ 3,000 คน พบว่าทุกคนล้วนมีหนี้สินมากน้อยแตกต่างกันไป บางคนมีหนี้เป็นแสน แต่เมื่อมาเฉลี่ยแล้วจะพบว่าแต่ละคนมีหนี้อยู่ที่วันละ 225.87 บาท โดยพบว่าแรงงานเป็นหนี้กู้สหกรณ์ กู้นอกระบบ และหนี้ธนาคารเป็นหลัก โดยเป็นการกู้เพื่อนำมาใช้จ่ายค่าครองชีพของคนในครอบครัวทั้งสิ้น ดังนั้นหากค่าจ้างขั้นต่ำที่จะเพียงพอและอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องหาเงินที่อื่นมาสำรองใช้จ่ายไปก่อนเช่นนี้

ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน กล่าวว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำ มีคณะกรรมการค่าจ้าง ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนไตรภาคีทั้งฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้างและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องที่จะร่วมกันให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาให้เกิดความรอบคอบ เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย

ภาพประกอบข่าว