posttoday

ตำรวจคุมเข้มปีใหม่ เมาแล้วขับปรับหนัก1.2แสน

18 ธันวาคม 2560

ผบ.ตร.สั่งเข้มจับเมาแล้วขับช่วงเทศกาลปีใหม่ ปรับสูงสุด 1.2 แสน คุก 1-10 ปี พร้อมระงับใบขับขี่

ผบ.ตร.สั่งเข้มจับเมาแล้วขับช่วงเทศกาลปีใหม่ ปรับสูงสุด 1.2 แสน คุก 1-10 ปี พร้อมระงับใบขับขี่

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า สั่งการให้ตำรวจกวดขันและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 โดยเฉพาะการจัดการจราจรที่ให้เน้นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากพบผู้ขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุราจะต้องจับกุมและปรับตั้งแต่ 5,000-1.2 แสนบาท หรือจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี พร้อมให้พักใบอนุญาตขับขี่

นอกจากนี้ ได้กำชับให้ตำรวจทุกกองบัญชาการให้เตรียมพร้อมบริการประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ และปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับทุกหน่วยงานในทุกมิติ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยว

“สั่งให้ดูแลตรวจสอบตามจุดที่ล่อแหลม แหล่งท่องเที่ยว จุดที่จัดกิจกรรมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ เพื่อป้องกันเหตุร้ายในทุกรูปแบบ แต่ทั้งนี้การข่าวยังไม่พบว่ามีสิ่งใดผิดปกติ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจจะอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็น 2 ส่วนภารกิจ คือ มาตรการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ โดยจะประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้อย่างเคร่งครัด และมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้น ทั้งนี้ก็เพื่อลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้มากที่สุด

ด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานจราจร กล่าวว่า สั่งการให้ตำรวจจราจรสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจจราจร จับผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก ที่เมื่อจ่ายค่าปรับแล้วหากยังไม่หาหมวกกันน็อกมาสวมได้จะไม่ให้ขับต่อ

อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 18-24 ธ.ค. 2560 ตำรวจจะเน้นไปที่การประชาสัมพันธ์ถึงการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว และจะไม่มีการปรับค่าปรับ แต่ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายจะต้องหาหมวกกันน็อกมาสวมก่อนที่จะเดินทางต่อได้ และหลังจากวันที่ 24 ธ.ค.นี้ จะจับปรับด้วยอัตราสูงสุดคือ 1,000 บาท ในทุกกรณี

“ใน กทม. มีรถจักรยานยนต์กว่า 3.4 ล้านคัน ตั้งเป้าว่าใน กทม. จะต้องสวมหมวกกันน็อกแบบ 100% ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อตำรวจจับปรับและปล่อยให้ขับรถต่อไปนั้น ไม่ช่วยเรื่องการป้องกันและลดอุบัติเหตุได้ จึงจำเป็นต้องปรับมาตรการใหม่” พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าว