posttoday

กองปราบฯเชิญฝ่ายครูให้ปากคำ ยันซื้อสลาก30ล้านกับมือ ลั่นพร้อมเข้าจับเท็จ

14 ธันวาคม 2560

ตำรวจกองปราบฯเชิญฝ่ายครูเข้าให้ข้อมูลคดีสลาก 30 ล้าน ยืนยันซื้อสลากเองกับมือก่อนทำหาย ลั่นพร้อมพิสูจน์ด้วยการเข้าเครื่องจับเท็จ

ตำรวจกองปราบฯเชิญฝ่ายครูเข้าให้ข้อมูลคดีสลาก 30 ล้าน ยืนยันซื้อสลากเองกับมือก่อนทำหาย ลั่นพร้อมพิสูจน์ด้วยการเข้าเครื่องจับเท็จ

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีอ้างกรรมสิทธิ์สลากรางวัลที่ 1 เงินรางวัล 30 ล้านบาท ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยล่าสุด นายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ พร้อมด้วยนางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ อายุ 58ปี และน.ส.พัชริดา พรมตา อายุ 53 ปี แม่ค้าขายสลากได้เดินทางเข้าพบพ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. เพื่อให้ข้อเท็จจริงกับกับพนักงานสอบสวนของกองปราบฯ หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวร.ต.ท.จรูญ วิมูล ที่อ้างกรรมสิทธิ์เป็นผู้ถูกรางวัล 30 ล้านบาท มาสอบปากคำไปแล้ว

นายปรีชา ให้การว่า เรื่องที่ตนทำสลากรางวัลที่ 1 หายไปนั้นเป็นเรื่องจริง โดยก่อนหน้านี้ได้สั่งซื้อเลขชุดไว้กับแม่ค้าในตลาดเรดส์ซิตี้ ที่สนิทกันและเป็นลูกค้ามาตลอด  ส่วนเลขที่สั่งซื้อไว้ในงวดนั้น ก็คือเลข  885-470 ซึ่งเป็นเลขทะเบียนรถ และเลขที่บ้าน ส่วนเลข 726 นั้นก็เป็นเลขมงคลส่วนตัว ที่ตามซื้อมาตลอดหลายงวดแล้ว 

วันนั้นได้สลากชุดมาทั้งหมด 4 ชุด คือชุดละ 4 ใบราคา 500 บาท และชุดที่ถูกรางวัล จำนวน 5 ใบ ราคา 700 บาท พร้อมกับจ่ายเงินไป จำนวน 2,200 บาท ก่อนเก็บสลากทั้งหมดใส่กระเป๋าเสื้อ และนำไปเก็บไว้ในกระเป๋าที่มีซิปรูด  คาดว่าน่าจะทำตกหายระหว่างหยิบใส่กระเป๋าเสื้อ เนื่องจากสลากทั้ง 4  ชุดอยู่ในซองพลาสติกเชื่อว่าน่าลื่น เพราะจำได้อีกว่าวันนั้นร้อนมาก ตนมีเหงื่อเต็มตัว ส่วนชุดที่หายก็อยู่ชั้นนอกสุดด้วย หลังจากได้สลากมาแล้วก็ไปเดินหาซื้อกับข้าว เสร็จแล้วก็เดินทางกลับบ้าน

นายปรีชา กล่าวอีกว่า  ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. หลังจากผลสลากออกแล้ว แม่ค้าสลากเจ้าประจำก็มาตะโกนเรียกที่หน้าบ้านพัก เพื่อแจ้งว่า ถูกรางวัลที่ 1 เนื่องจากจำได้ว่าเป็นเลขที่ตนซื้อไปนั้นคือเลข 533726  ก็เลยรีบกลับไปค้นดู จึงรู้ว่าทำหายไป จึงพยายามหาไปค้นหาอีกหลายรอบ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ  ก็เลยรีบเข้าไปปรึกษากับ ร้อยเวรของ สภ.เมือง จ.กาญจนบุรี  และจะขอแจ้วความด้วย เพราะตนเชื่อมั่นในหลักฐานที่มี ตอนแรกตำรวจแนะนำให้ตนกลับไปหาให้ทั่วๆก่อน ก็เลยรีบกลับไปค้นหาดูจนทั่วบ้านแล้ว แต่ก็ไม่พบ พอวันรุ่งขึ้นก็เลยรีบเข้าไปแจ้งความ ซึ่งตำรวจก็รับเรื่องไว้ เพื่อสอบสวน  กระทั่งวันที่ 28 พ.ย. ก็ได้รับแจ้งจากร้อยเวรว่ามีตำรวจนอกราชการใน จ.กาญจนบุรี เป็นผู้นำสลากฯชุดดังกล่าวมาขึ้นเงินรางวัล 30 ล้านบาท ไปแล้ว

นายปรีชา กล่าวว่า หลังจากนั้นไม่นาน  เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ติดต่อเพื่อให้ตนเข้าไปหา เนื่องจากติดต่อกับคู่กรณีได้แล้ว  โดยให้ตนไปเจรจากันก่อน  ก็เลยรีบเข้าไปที่สภ.เมืองกาญฯ ก็พบกับร.ต.ท.จรูญ ซึ่งก็พยายามสอบถามว่าลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวหมวดไปซื้อมาจากไหน  แต่เขาก็บอกไม่ได้ว่าไปซื้อมาจากที่ไหน แต่เขาก็ตอบไม่ได้  ตนพยายามถามยังไงเขาก็ไม่รับ  เมื่อถามถึงเงินรางวัล ร.ต.ท.จรูญ ก็เอาสมุดธนาคารมาให้ดูแบบผ่านๆ แต่พอเห็นยอดตัวเลขประมาณ 29 ล้านบาท ซึ่งร.ต.ท.จรูญ ก็ยังบอกด้วยว่าเงินทั้งหมดยังอยู่ครบ แต่การเจรจาในวันนี้ก็ไม่ได้ข้อยุติ จนสุดท้ายพนักงานสอบสวนก็เลยนำตัวแยกกันสอบคนละห้อง ก่อนจะให้แยกย้ายกันกลับบ้าน

นายปรีชา ให้การอีกด้วยว่า จากนั้นวันรุ่งขึ้น ตนก็ทราบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไปพบร.ต.ท.จรูญ ที่ธนาคารแห่งหนึ่งซึ่งเงินถูกรางวัลดังกล่าว อยู่ในบัญชีของธนาคารดังกล่าว ทราบต่อมาว่าเข้าดินทางไปเบิกเงินจากบัญชีมาประมาณ 5 ล้านบาท หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะขออายัดเงินในบัญชีไว้ก่อน  เนื่องจากมีการแจ้งความ

"เรื่องนี้ ผมคิดว่าเงินรารางวัลที่ได้ มีเทวดาให้มา ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นก็คิดเสียว่าเป็นการทดสอบ ซึ่งสุดท้ายถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เงินก้อนนี้กลับมาจริงๆ หรือถึงขั้นทำให้ผมถูกดำเนินคดี ก็ไม่เป็นไร คิดเสียว่าเป็นการทดสอบ เพราะเรื่องจริงมันก็เป็นเรื่องจริง ใครจะบิดเบือนอย่างไร เจ้าตัวก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าทำอะไรลงไปบ้าง และผมเองก็พร้อมที่จะเข้าเครื่องจับเท็จ ถ้าอีกฝ่ายพร้อมก็ขอให้บอกมาเลย"นายปรีชา กล่าว

มีรายงานว่าการที่ตำรวจกองปราบปรามได้เชิญตัวครูปรีชาและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลนั้น เบื้องต้นได้สอบถามประเด็นเรื่องในวันเวลาสถานที่ที่ ซื้อสลากกินแบ่ง  รวมทั้งซื้อกับแม่ค้าคนไหน เพื่อมาตรวจสอบหาพิรุธกับพยานหลักฐานที่พบ  ซึ่งจากการสอบปากคำไม่พบพิรุธ และสอดคล้องกับประจักษ์พยานหลักฐานที่ทางตำรวจกองปราบปรามได้ อีกทั้งทางครูปรีชาได้ให้ข้อมูลว่าหลังเกิดเรื่องในวันที่ 4 ธ.ค. ได้มีชายอ้างตัวเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรม มาขอข้อมูล ซึ่งในส่วนนี้ตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าชายคนดังกล่าวเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรมจริงหรือไม่