posttoday

ยกมาตรฐานข้าวไทยหนีคู่แข่ง

04 ตุลาคม 2553

พาณิชย์ปรับมาตรฐานข้าวไทยเอาใจตลาด หวังฉีกหนีคู่แข่งรักษาฐานลูกค้าทั่วโลก ยันขายข้าวสต๊อกรัฐให้ “เอ็มที” ไม่มีอะไรเสียหาย

พาณิชย์ปรับมาตรฐานข้าวไทยเอาใจตลาด หวังฉีกหนีคู่แข่งรักษาฐานลูกค้าทั่วโลก ยันขายข้าวสต๊อกรัฐให้ “เอ็มที” ไม่มีอะไรเสียหาย

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะทำงานปรับปรุงมาตรฐานข้าวเพื่อการส่งออกของกรมการค้าต่างประเทศ อยู่ระหว่างการปรับปรุงมาตรฐานข้าวไทยเพื่อการส่งออกให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในต่างประเทศ โดยข้าวหอมมะลิไทยแท้จะกำหนดใหม่เป็น 2 มาตรฐาน คือ มีเนื้อข้าวหอมมะลิ 95% และผสมข้าวอื่นได้ไม่เกิน 5% และมีเนื้อข้าวหอมมะลิ 92% และมีข้าวอื่นผสมไม่เกิน 8% จากเดิมที่มีเพียงมาตรฐานเดียว คือ มาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย 92% เท่านั้น

ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรฐานข้าวหอมมะลิผสมเพื่อการส่งออก จะกำหนดตามความต้องการของตลาดเป็นหลักเช่นกัน เช่น อาจมีเนื้อข้าวหอมมะลิ 70-80% และผสมข้าวอื่นไม่เกิน 20-30% แต่ไม่ควรมีเนื้อข้าวหอมมะลิอยู่ต่ำกว่า 50%

นอกจากนี้ สำหรับข้าวขาวเพื่อการส่งออกที่จากเดิมไม่มีการกำหนดมาตรฐาน ก็จะกำหนดมาตรฐานเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อแยกความแตกต่างให้ตลาดผู้ซื้อรับรู้ได้อย่างชัดเจนระหว่างข้าวขาวไทยกับของเวียดนาม คาดว่าคณะทำงานจะปรับปรุงแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ และออกประกาศบังคับใช้ต่อไป

การปรับปรุงมาตรฐานข้าวของไทยนั้น เป็นเพราะความต้องการตลาดโลกเปลี่ยนไปแล้ว กลุ่มลูกค้าระดับบนสหรัฐหรือจีนจะนิยมกินข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ดังนั้นจึงต้องกำหนดมาตรฐานให้สูงขึ้นเป็น 95% ส่วนผู้บริโภคฐานะระดับกลางแต่ยังนิยมบริโภคข้าวหอมมะลิ หรือกลุ่มที่ไม่ชอบบริโภคข้าวหอมมะลิแบบแฉะๆ ก็ต้องผสมข้าวอื่นเข้าไปให้

นายยรรยง กล่าวถึงการอนุมัติขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลเกือบ 2 ล้านตัน ให้กับบริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด ผู้ส่งออกรายเล็กเพียงรายเดียว ว่า ตามหลักเกณฑ์การอนุมัติขายข้าว กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้พิจารณาว่าผู้ซื้อจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ แต่พิจารณาจากการเสนอราคาซื้อดีที่สุด ซึ่งบริษัทนี้ก็ให้ราคาสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และรัฐได้ประโยชน์สูงสุด

“ผู้ส่งออกรายอื่นรัฐอนุมัติขายให้ไปแล้ว ไม่น่าจะมาโวยวาย อีกทั้งผู้ส่งออก รายใหญ่ผูกขาดการซื้อข้าวของรัฐมานานแล้ว ดังนั้นการขายให้กับรายเล็กก็จะช่วยลดการผูกขาดของรายใหญ่ได้ และกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการทุกอย่างตามมติของคณะรัฐมนตรี” นายยรรยง กล่าว

การขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลต้องทำให้เร็วสุดตามมติครม. เพื่อไม่ให้ฉุดราคาตลาดข้าวในประเทศตกต่ำในช่วงที่ข้าวนาปีจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนพ.ย.นี้ และต้องขายเพื่อส่งออกเท่านั้น นอกจากนี้ หากเอ็มที ไม่สามารถส่งออกข้าว หรือรับมอบข้าวได้ตามระยะเวลาที่กำหนดภายหลังการทำสัญญาซื้อขายแล้ว รัฐก็สามารถยึดเงินค้ำประกันที่บริษัทวางไว้ 5% ของมูลค่าข้าวได้ อีกทั้งรัฐยังสามารถนำข้าวที่เอ็มทีเบี้ยวซื้อมาขายต่อได้อีก โดยที่เอ็มทีต้องยอมจ่ายส่วนต่างค่าข้าวให้รัฐ เช่น เอ็มทีซื้อจากรัฐตันละ 1.2 หมื่นบาท แต่ละทิ้งสัญญา และหากรัฐนำไปขายต่อได้ที่ตันละ 1.1 หมื่นบาท เอ็มทีก็ต้องจ่ายส่วนต่างคืนรัฐตันละ 1,000 บาท เท่ากับว่ารัฐไม่ได้เสียประโยชน์อะไรเลย