posttoday

ปปท.เตรียมฟันจนท.เอี่ยวทุจริตยา

03 ตุลาคม 2553

ป.ป.ท.เตรียมหารือกรมบัญชีกลางสรุปข้อมูลฟันจนท.ทุกระดับตั้งผอ.รพ.ลงไปโยงขบวนการทุจริตยาภายในต.ค.นี้  ก่อนเสนอรัฐบาลหามาตรการป้องกัน ชี้ค่าคอมมิสชั่นสูงจูงใจบุคคลกรทางแพทย์มีเอี่ยว

ป.ป.ท.เตรียมหารือกรมบัญชีกลางสรุปข้อมูลฟันจนท.ทุกระดับตั้งผอ.รพ.ลงไปโยงขบวนการทุจริตยาภายในต.ค.นี้  ก่อนเสนอรัฐบาลหามาตรการป้องกัน ชี้ค่าคอมมิสชั่นสูงจูงใจบุคคลกรทางแพทย์มีเอี่ยว

นายภิญโญ ทองชัย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า  ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ นายประยงค์ ปรียาจิตต์ รองเลขาธิการปปท.เป็นผู้รับผิดชอบคดีทุจริตยา โดยความคืบหน้าล่าสุดในการตรวจสอบภาพรวมการทุจริตยาพบว่ามีมูลค่าเสียหายกว่า 4 หมื่นล้านบาท และผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตยาส่วนใหญ่จะเป็น กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และบริษัทยา เนื่องจากได้รับแรงจูงใจเป็นค่าคอมมิชชั่น ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลหากมีการซื้อขายยาคาดว่าผู้สั่งยาจะได้รับค่าคอมมิชชัน ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ปปท.ประมาณว่าค่าคอมมิชชั่นประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ 30 % จากราคายาที่ซื้อขายในวงเงินประมาณ 4-5 หมื่นบาท โดยค่ายาส่วนใหญ่ 4 หมื่นกว่าล้านบาท จะกระจายอยู่ในโรงพยาบาลหลักๆ คือ โรงพยาบาลศูนย์ศูนย์ และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย

ปปท.เตรียมฟันจนท.เอี่ยวทุจริตยา ภิญโญ ทองชัย

อย่างไรก็ตามการสรุปข้อมูลเพื่อรวบรวมหลักฐานการทุจริตยานั้น ทางปปท.จะต้องทำร่วมกับกรมบัญชีกลาง และเสนอให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก่อนที่จะเสนอให้รัฐบาลรับทราบเพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในทุกระดับ โดยที่ผ่านมาปปท.ตรวจสอบขบวนการทุจริตในภาพรวมทั้งหมด แต่ยังไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียดตัวบุคคลว่าจะฟ้องร้องใครบ้าง เพราะหน้าที่ดังกล่าวถืออยู่ในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางในฐานะที่เป็นผู้เสียหายโดยตรง 

ด้าน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) กล่าวว่า การสรุปประเด็นเรื่องการทุจริตยาขณะนี้มีข้อมูลอยู่ในระดับที่สามารถจะดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องได้แล้ว ซึ่งปปท.กำลังจะหารือร่วมกับกรมบัญชีกลางเพื่อสรุปข้อเท็จจริงและข้อมูลทั้งหมด โดยภายในเดือนต.ค.นี้จะมีการประชุมร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงนำเสนอให้รมว.ยุติธรรมและครม.พิจารณาหามาตรการป้องกัน เพราะมูลค่าความเสียหายจากเรื่องดังกล่าวค่อนข้างสูง

จากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่าขบวนการทุจริตมีบุคคลตั้งแต่ระดับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ  ซึ่งการทุจริตยาที่มีปัญหาส่วนใหญ่เป็นจะเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของรัฐ  ในขณะเดียวกันปปท.อยู่ก็ระหว่างการขอข้อมูลข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลกรมบัญชีกลางว่า มีการเบิกเงินสูงสุดหรือจำนวนครั้งการเบิกผิดปกติหรือไม่ เพื่อมาหาร่องรอยการทุจริต และสรุปเสนอรัฐบาล