ชาวบ้านอยุธยาร้องยธ.ช่วย หลังถูกนายทุนขับไล่พ้นที่ทำกิน

ชาวบ้านในอยุธยาเข้าร้องต่อกระทรวงยุติธรรม ขอให้ช่วยเหลือหลังถูกกลุ่มนายทุนฟ้องขับไล่ให้ออกจากที่ดิน

เมื่อวันที่ 20 พ.ย.กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสมศักดิ์ เพื่อนรัก ทนายความ พร้อม ตัวแทนชาวบ้านจาก หมู่ 6 บ้านแม่ลา ต.เสนา อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา กว่า 20 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กรณีถูกกลุ่มนายทุนฟ้องขับไล่ให้ออกจากที่ดินที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 11 ไร่ 3 งาน 66 ตารางวา และถูกบังคับให้ออกจากพื้นที่ วันที่ 19 ธ.ค.นี้

นางปาลพัชน์ หาวิธี ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า วันนี้นำโฉนดที่ดินครุฑแดงที่มีหลักปักหมุดและเส้นแบ่งเขตชัดเจน ซึ่งเป็นที่ดินแปลงทำกินตั้งแต่บรรพบุรุษที่ซื้อต่อมาจากเจ้าของโฉนเดิมตั้งแต่ พ.ศ.2488  ต่อมามีการออกโฉนดที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อปี พ.ศ.2521 ก่อนจะมีการรังวัดใหม่จากนายทุนร่วมกับหน่วยงานของรัฐ ในปีพ.ศ.2548 ซึ่งขณะนั้นชาวบ้านยังเห็นว่าคงถือครองที่ดิน จำนวน 11 ไร่ 3 งาน 66 ตารางวา เท่าเดิม จึงไม่ได้ไปเรียกร้องกับหน่วยงานใดก็ใช้ชีวิตตามปกติ

นางปาลพัชน์ กล่าวอีกว่า ต่อมา กลุ่มนายทุนนำโฉนดที่ดินฉบับหนึ่งซึ่งทำการรังวัดใหม่ขึ้นไปร้องศาลให้ขับไล่ชาวบ้านทั้งหมด จนกระทั่งศาลมีคำสั่งให้กรมบังคับคดีไปแจ้งชาวบ้านออกจากพื้นที่เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จึงรู้สึกแปลกใจและได้ไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินอีกครั้งกลับพบว่าที่ดินเดิมถูกครอบทับไป 7 ไร่ 1 งาน 33 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินถมพื้นที่เรียบร้อยสามารถสร้างทำประโยชน์ได้ทันที ส่วนพื้นที่ของชาวบ้านที่เหลือในโฉนดอีก 4 ไร่ เป็นเพียงที่นาที่ไม่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ ทำให้ชาวบ้าน 9 หลังคาเรือน กว่า 50 ชีวิต ได้รับความเดือดร้อน

"จึงนำเรื่องนี้ไปร้องขอความเป็นธรรมกับหลายหน่วยงานแต่ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่นานที่จะต้องออกจากพื้นที่ ในเดือน ธ.ค.นี้ จึงตัดสินใจเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อหาข้อเท็จจริงการครอบครองโฉนดพื้นที่ทั้ง 11 ไร่ ขณะเดียวกันยืนยันที่ผ่านมาที่ดินแปลงนี้เพียงนำไปจำนองกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น ไม่เคยนำไปจำนองกับเจ้าหนี้นอกระบบ และสามารถทำธุรธรรมกับธนาคารทั่วไปได้ตามปกติ" นางปาลพัชน์ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า เตรียมนำเรื่องดังกล่าวส่งให้ ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม และ ดีเอสไอ ตรวจสอบเอกสารสิทธิ แผนที่ทางอากาศ และสิทธิครอบครอง ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบ 40 -50 ราย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบก่อนส่งเรื่องเข้าที่ประชุมรายเดือนเพื่อพิจารณาอีกครั้ง แต่ขณะนี้ถือคำสั่งศาลให้เป็นที่สิ้นสุด