posttoday

ผู้เข้าร่วมงานพระราชพิธีฯ ชี้เเจงเรื่องขยะเกลื่อน บอก"ไม่ใช่นิสัยคนไทยอย่างที่ใครว่ากัน"

28 ตุลาคม 2560

คำอธิบายกรณีภาพขยะเกลื่อนกลาด หลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

คำอธิบายกรณีภาพขยะเกลื่อนกลาด หลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

กรณีสังคมออนไลน์วิจารณ์ภาพขยะเกลื่อนกลาดจำนวนมาก บริเวณถนนจักรเพชร ปากคลองตลาด กรุงเทพมหานคร พื้นที่รวมตัวของประชาชนในพิธีถวายอาลัยเเละพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถในหลวงรัชกาลที่ 9

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ต.คค. สมาชิกเฟซบุ๊กชื่อ Pimporn Siriwan หนึ่งในประชาชนผู้เข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ได้โพสต์ข้อความชี้เเจงอีกมุมว่า

เรื่องจริงจากสนาม(ยาวหน่อยแต่เรื่องจริง)

ขออนุญาตเล่า โยงถึงกรณีที่มีการแชร์ เรื่องการทิ้งขยะ หลังงาน จริงๆ จุดที่เขาแชร์ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่ระหว่างทาง เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กัน บนถนนอัษฎางค์ ช่วงจากปากคลองเลยแยกถนนพระพิทักษ์ ไปเล็กน้อย ที่พอจะทำให้ คนที่ไม่ได้ไป มีความเข้าใจสถานการณ์ได้ ตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 24 ตุลาคม ประชาชนที่มาต่อแถวไปจุดคัดกรองที่ 1 (แยกสะพานมอญ) ที่ปลายแถว อยู่ปากคลองตลาด อยู่ในอิริยาบถต่างๆ กัน บ้างก็นั่งพัก บ้างก็นอน บ้างก็กำลังทานอาหารเอาแรง บ้างก็เพิ่งมาปักหลัก บ้างก็เริ่มทำความรู้จักกัน ทักทาย ถามไถ่ถึงความมุ่งมั่นในการเดินทางมาของกันและกัน บ้างก็แชร์ประสบการณ์การเตรียมพร้อมจากการมาชมการซ้อมไปแล้ว

พอฝนตกก็หลบกันกระจาย ปล่อยผ้ายาง ผ้าพลาสติกไว้บนถนน เอาตัวกับของไว้ก่อน พอแห้งก็ช่วยกันเช็ดที่นั่งใหม่

หลังหนีฝนที่ตกหนักรอบสาม ประมาณตีหนึ่ง ผู้คนทะยอยนอนเอาแรง ทั้งที่ยังใส่เสื้อกันฝน ไม่นานก็มีคนตะโกนบอกว่า "เคลื่อนแถวแล้ว เร็ว"

หลายคนกำลังนอน กำลังไปเข้าห้องน้ำ ก็ตกใจกันหมด ด้วยใจจดจ่อ จะไปจุดคัดกรองให้ทัน รีบเก็บกระเป๋า ไม่ทันได้เก็บเสื่อ เก็บเสบียง หรือทิ้งขยะ ก็วิ่งกันแบบไม่คิดชีวิต เพื่อไปต่อแถวข้างหน้าให้เร็วที่สุด บ้างก็วิ่งเท้าเปล่ามา เลย ลืมว่าวางรองเท้าทิ้งไว้ ลืมเสื้อไว้ บ้างก็เพิ่งตื่นสลึมสลือจากการงีบ งงๆ มึนๆ โดยเฉพาะคณะใหญ่ 8 คน อย่างเรา ซึ่งเตรียมสัมภาระ ของจำเป็นมาเพื่อการพักคอย พอสมควร และเพิ่งหลับเอาแรงได้สักพัก จึงใช้เวลาเก็บของนานกว่าคนอื่น ทำให้หลายคนที่กลัวว่าจะไม่ได้เข้าไปจุดคัดกรอง ตัดสินใจวิ่งแซงแถวของเราไป

เราก็เองตกใจ กลัวหลุดแถว ก็หอบเสื่อ กับของวิ่งตามไปด้วยเหมือนกัน

ตอนได้ยินคนตะโกนบอกเคลื่อนแถว ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร เจ้าหน้าที่ก็ไม่ใช่ จิตอาสา หรือเป็นใคร ก็บอกไม่ได้ เป็นการตะโกนต่อๆ กันมา แต่ก็นำมาซึ่งความชุลมุนมากจริงๆ ทำให้แถวที่ต่อกันเรียงสอง กลายเป็นกลุ่มใหญ่ ไม่เป็นแถว แต่ละคนกลัวไม่ได้ไปข้างหน้า ไม่รู้ใครเป็นใคร บางคนก็พลัดหลงกับญาติ จิตอาสาต้องช่วยประกาศตามหา พาไปส่งให้เจอกัน

บางคนแม้อายุยังน้อย แต่ด้วยเป็นประสบการณ์บนถนนเป็นครั้งแรก นอนก็ยังไม่พอ ไม่เคยเจอความตื่นเต้นมากขนาดนี้

 

ผู้เข้าร่วมงานพระราชพิธีฯ ชี้เเจงเรื่องขยะเกลื่อน บอก"ไม่ใช่นิสัยคนไทยอย่างที่ใครว่ากัน"

 

ท่ามกลางความหนาแน่นของคนที่อัด เบียดเสียดกัน ที่ต่างจะอยากพุ่งไปข้างหน้า เพื่อจะได้เข้าไปจุดคัดกรองให้ได้ อากาศก็อบอ้าว ทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม ไป ทีมพยาบาล และจิตอาสา ทึ่เฝ้าดูแลอยู่ ก็มาช่วยทันที ส่วนป้า ๆ ลุงๆ สูงวัย จากหลายจังหวัด พอหายเหนื่อยก็นั่งหอบแฮกๆ

พอแถวเริ่มลงตัว บางคนก็เริ่มรู้สึกว่า ตัวเองวิ่งเท้าเปล่ามา ไม่ได้เอาของมาด้วย ก็ต้องตามกลับไปเก็บ บ้างก็หาไม่เจอ สักพักจิตอาสา ก็มาพร้อมกับถุงรองเท้า หลายคู่ หลายคนก็หาทางกลับไปหาห้องน้ำเข้าอีกครั้งเพราะตอนวิ่งตามแถว ลืมปวดไปชั่วขณะ หลังจากเราเก็บของเสร็จ ก็วิ่งนำเพื่อน ไปหากลุ่มที่เราอยู่ตอนแรก ซึ่งตำแหน่งแถวได้เสียไป ให้คนที่เก็บของเร็ววิ่งแซงมาก่อน ระหว่างทางที่วิ่งมา

มองไปริมฟุตบาท ก็เห็นเสื่อพลาสติก ถุงเสบียง ราวกับขยะ ถูกทิ้งไว้ ตลอดทาง เพราะผู้คนตกใจ เสียงตะโกนบอกให้เคลื่อนแถว เก็บอะไรได้ ก็วิ่งไปก่อน ลืมไปจนสิ้น เพราะแถวหลังที่วิ่งแซงมาราวกับคลื่นใหญ่ จะย้อนกลับไปก็เกรงตำแหน่งแถวจะเสียไป หากมีการเคลื่อนแถวอีก หลายคนตัดใจ ต้องยอม ไปหาเอาข้างหน้า โดยเฉพาะคนที่มาคนเดียวก็ไม่กล้าวิ่งกลับไป

วันนั้นคลื่นประชาชนหลั่งไหลมาต่อแถวเร็วมาก และเยอะมาก แต่จิตอาสาก็ใจเกินร้อย ทำงานเร็ว ทะยอยเก็บเสื่อ มาถามหาเจ้าของซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นของใครๆ เพราะเป็นเสื่อซองขนม หน้าตาเหมือนๆกันและเสื่อผ้ายาง ผ้าพลาสติกที่ซื้อมาจากพ่อค้าที่เดินขายเหมือนกัน

จากเรื่องจริงในสนามที่ประสบมาด้วยตนเองนี้ จึงเชื่อว่า สาเหตุ ที่เกิดขยะในภาพ ที่แชร์กัน คงมาจากเหตุคล้ายๆกัน เป็นส่วนใหญ่ คือตกใจเคลื่อนแถววิ่งไปสุดๆ หรืออาจมีบ้าง ก็คงเป็นส่วนน้อยมากๆ เพราะแต่ละคนตั้งใจมาทั้งนั้นและมาดี ตั้งใจมา กราบพ่อ และอยากทำความดี อยากเป็นคนดีให้พ่อดูกันทั้งนั้น

เชื่อว่าขยะที่ดูเยอะ ก็ด้วยคนเยอะมากจริงๆ โดยเฉพาะในวันที่ 25-26 คงมีการต่อแถว นั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่มากๆ พอมีคนตะโกนบอก เคลื่อนแถวๆ แล้ว ก็ คงตกใจ วิ่ง แบบไม่คิดชีวิตไปเหมือนกัน

และคงไม่ใช่ นิสัยคนไทยอย่างที่ใครว่ากัน เพราะคนจำนวนไม่น้อยเป็นคนสูงอายุ ถือของมากมาย วิ่งต่อแถวก็แทบจะไม่ทัน ตกใจด้วย ไม่เป็นลมไปก็เก่งมากแล้ว แต่ละคนก็คงจะคิดว่า ไปเข้าแถวรักษาสิทธิ์ไว้ก่อน ค่อยว่ากัน จิตอาสา ก็ใจดี เห็นใจ อาสาดูแลขยะให้ เพราะอย่างขยะ เราจะเอาไปทิ้งเอง จิตอาสา ที่เห็นใจ คนมาเข้าแถว ก็บอกไม่เป็นไร อาสานำไปทิ้งให้ จะอาสาไปช่วยยก ก็บอกไม่เป็นไร พักเอาแรงเถอะ เห็นใจว่าจะต้องอยู่หลายวัน แถมไปหาข้าว หาน้ำ ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ราวกับพวกเราเป็นตัวแทนนักกีฬาสำคัญๆ ของพวกเขา จนทำให้เราน้ำตาไหล ด้วยความซาบซึ้งใจ

ช่วงที่อยู่พื้นที่ชั้นใน แต่ละคน ก็ดูแลช่วยกันเก็บขยะได้ดีทีเดียว ดังนั้นจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเชื่อว่าขยะผ้ายาง ผ้าพลาสติก ที่แชร์กัน นั้น เป็นดังนี้ มากกว่า คือ คนตกใจการเคลื่อนแถว ใจจดจ่อกับการวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนทิ้งทุกสิ่ง และะคงมีส่วนน้อยที่เผลอลืมเก็บ

 

ผู้เข้าร่วมงานพระราชพิธีฯ ชี้เเจงเรื่องขยะเกลื่อน บอก"ไม่ใช่นิสัยคนไทยอย่างที่ใครว่ากัน"

 

เพิ่มเติมบรรยากาศของการต่อแถวอีกนิด กับบรรยากาศการต่อแถว แต่ละคน จะมีความรู้สึกกังวล ระแวดระวัง ว่าจะต้อง วิ่ง พร้อมลุก พร้อมไปข้างหน้า ตลอดเวลา พอมีคนลุกขึ้นมา เหมือนใครเคลื่อนแถว มีการขยับนิด เช่นข้างหน้าลุก ข้างหลังก็ลุกตาม แถวก็จะโย้ ยืดเป็นสิบ เป็นแบบนี้ จนตีสามเจ้าหน้าที่ กทม จิตอาสา และตำรวจ มา ช่วยจัดให้เป็นแถวเรียง 6 กว่าจะเข้าที่เข้าทาง มาใกล้จุดคัดกรอง หลายคน ก็เริ่ม เสียดาย เสื่อ ผ้ายาง ผ้าพลาสติกซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่ปล่อยทิ้งไว้ ทำให้หลายคน เมื่อผ่านจุดคัดกรองไปแล้ว ต้องใช้ถุงพลาสติก ถุงขยะ เสื้อฝน ปูนั่งแทนไป

ผู้เข้าร่วมงานพระราชพิธีฯ ชี้เเจงเรื่องขยะเกลื่อน บอก"ไม่ใช่นิสัยคนไทยอย่างที่ใครว่ากัน" ภาพที่ปากคลองตลาด ที่กลายเป็นประเด็นร้อน