posttoday

ผู้เสียหายถูกแก๊งอ้างเป็น"เจ้ามอญ" หลอกเข้าให้ปากคำDSI

09 ตุลาคม 2560

กลุ่มผู้เสียหายถูกแก๊งอ้างเป็นเจ้ามอญหลอกลงทุนเข้าให้ปากคำดีเอสไอ คาดมูลค่าเสียหาย 300 ล้านบาท พบมีสื่อร่วมขบวนการด้วย

กลุ่มผู้เสียหายถูกแก๊งอ้างเป็นเจ้ามอญหลอกลงทุนเข้าให้ปากคำดีเอสไอ คาดมูลค่าเสียหาย 300 ล้านบาท พบมีสื่อร่วมขบวนการด้วย

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 8 สำนักคดีอาญา 1 ดีเอสไอ ศูนย์ราชการอาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกนางสุภัตทา จันทรรังษี กับพวกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในประเทศเมียนมา หลังหน่วยข่าวกรอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้สืบสวนสอบสวน จนพบว่ามีขบวนการที่แอบอ้างว่าสนิทกับผู้ใหญ่ในประเทศเมียนมา หลอกประชาชนให้ร่วมลงทุนในเมกะโปรเจ็ค สร้างสนามบิน และสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ และพ.ต.ท.ยุทธิวัสส์ กลำกล่อมจิตร์ รองผกก.กก.2 บก.ป.

พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า จุดเริ่มต้นคดีนี้จากที่หน่วยข่าวกรองดีเอสไอ ได้ตรวจสอบพบขบวนการแอบอ้างเป็นกษัตริย์และเจ้ารัฐมอญ อีกทั้งแอบอ้างว่าสนิทกับทางผู้ใหญ่ในประเทศเมียนมาสามารถขอสัมปทานโครงการเมกะโปรเจ็ค ก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อพัฒนาประเทศเมียนมามูลค่าหลายร้อยล้านบาทได้ หากมีบริษัท ห้างร้านไหนสนใจจะร่วมทำโครงการดังกล่าว ก็ต้องมาสมัครชิกเสียค่านายหน้าหลายแสนบาท ประกอบกับมีกลุ่มคนที่แอบอ้างตัวเองเป็นสื่อ และสื่อมวลชนสายหลักบางคนร่วมขบวนการ โดยการเข้าไปทำข่าวโปรโมทแลกกับเงินค่าข่าว เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับขบวนการดังกล่าว

"หลังจับกุมนางสุภัตทา และนายโกสินธ์ ได้ก่อนนำตัวไปสอบสวน ซึ่งทั้งคู่ได้ให้ข้อมูลว่า ได้ร่วมกับศูนย์ประสานงานบรรเทาภัยพลเมือง มูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สาขามีนบุรี โดยให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกร่วมโครงการเมกะโปรเจ็ค ที่เมียนมา ซื้อชุดเครื่องแบบสีขาว และเครื่องแบบการแต่งกาย เลียนแบบข้าราชการ พร้อมทั้งหากต้องการประดับยศ "พล.ต.ต." ต้องจ่ายเงิน 50,000 บาท ส่วนยศ "พล.ต.ท." ต้องจ่ายเงิน 80,000 บาท เพื่อที่เวลาใการออกอีเวนท์ เดินสาย ไปดูงานต่างจังหวัด ประเทศเมียนมา ต้องแต่งกายชุดดังกล่าว เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับขบวนการดังกล่าวด้วย และยังทราบว่ากลุ่มคนเชื้อสายมอญได้เจ็บแค้นน้ำใจมากที่ถูกขบวนการดังกล่าวหลอกหลวง และนำชื่อเสียงชาวมอญไปหากินเสียๆหายๆ" พ.ต.ต.สุริยา กล่าว

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายกว่า 300 คน แต่ที่เริ่มเข้ามาให้ปากคำเจ้าหน้าที่แล้วประมาณ 20-40 คน มูลค่าความเสียหายคาดกว่า 300 ล้านบาท โดยในคดีนี้ได้ประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สันติบาล กองปราบปราม ทหาร และปปง.ร่วมตรวจสอบ เนื่องจากเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชน

นอกจากนี้ในส่วนกลุ่มที่แอบอ้างเป็นสื่อมวลชน และสื่อมวลชนจริง ที่ร่วมขบวนการด้วย เจ้าหน้าที่มีข้อมูลและกำลังตรวจสอบอยู่ หากพบมีความเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชนด้วย ฝากแจ้งไปยังพี่น้องประชาชน หาคิดว่าตกเป็นผู้เสียหายให้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ตลอด

ด้านนายชานนท์ หนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกหลอก เปิดเผยว่า ตนเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ถูกนางสุภัตทา และขบวนการดังกล่าว หลอกให้ตนเขียนแบบโครงการก่อสร้างต่างๆ 78 โครงการ หลังจากนั้นไม่ยอมจ่ายค่าแบบก่อสร้าง มูลค่า 20 ล้านบาทกับบริษัทตน ตอนหลังมารู้ว่า ขบวนการดังกล่าว นำแบบโครงการก่อสร้างขอตน ไปโอ้อวด และหลอกประชาชน และบริษัทก่อสร้างรายอื่นๆ ว่ามีโครงการมีโครงการขนาดใหญ่ที่ประเทศเมียนมาร์ หากต้องการร่วมทุนต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกหรือค่ารวมทุนประมาณ 200,000-300,000 บาท เพื่อแลกกับเงินกำไรกว่า 100 ล้านบาท

"ขบวนการดังกล่าว มีการสร้างความน่าเชื่อถือโดยบอกมีกษัตริย์มอญ และสื่อมวลชน มาร่วมงานแถลงข่าวต่างๆ ทำให้ไม่มีใครสงสัยว่าโดนแก๊ง 18 มงกุฎหลอกแบบนี้ ที่ผ่านมาหลังจากรู้ว่าโดนหลอก พยายามออกมาร้องหน่วยงานรัฐหลายหน่วยตั้งแต่ปี 2558 แต่ก็ไม่เป็นผล กระทั่งปัจจุบันดีเอสไอ กองปราบและทหารร่วมทลายขบวนการดังกล่าว"นายชานนท์กล่าว

ด้านพ.ต.ท.ยุทธิวัสส์ กลำกล่อมจิตร์ รองผกก.กก.2 บก.ป. กล่าวว่า ในคดีนี้ ทาง ผบก.ป.สั่งการให้ร่วมมือ และร่วมตรวจสอบกับดีเอสไออย่างเต็มที่ เบื้องต้นหากพบมีผู้เสียหายจำนวนมากจะให้พนังงานสอบสวน บก.ป.ร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วย