posttoday

ยธ.ส่งข้อมูลนายทุนเงินกู้นอกระบบให้สรรพากรฟันภาษี

15 กันยายน 2560

กระทรวงยุติธรรม ส่งข้อมูลนายทุนเงินกู้นอกระบบ หมุนเวียน 1.4 พันล้านบาท 6 กลุ่มสำคัญ ให้คลังปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบใช้มาตรการทางภาษีมาบังคับใช้อย่างจริงจัง

กระทรวงยุติธรรม ส่งข้อมูลนายทุนเงินกู้นอกระบบ หมุนเวียน 1.4 พันล้านบาท 6 กลุ่มสำคัญ ให้คลังปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบใช้มาตรการทางภาษีมาบังคับใช้อย่างจริงจัง

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ เข้าพบหารือกับ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เพื่อส่งมอบข้อมูลและประสานความร่วมมือในการปราบปรามนายทุนเงินกู้ที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน ภายใต้กรอบภารกิจของคณะกรรมการกำกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานคณะกรรมการ

         
นายวิศิษฎ์ เปิดเผยว่า หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการกับทุนเงินกู้รายใหญ่ในความผิดอาญาฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ทางการสืบสวนยังพบว่ามีเงินหมุนเวียนจากการปล่อยกู้จำนวนมาก จึงได้ประสานข้อมูลให้กรมสรรพากรเพื่อนำมาตรการทางภาษีมาบังคับใช้กับนายทุนกลุ่มนี้อย่างจริงจัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายทุนด้วยวิธีการอำพรางการให้กู้ยืมเงินเพื่อหวังดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ตอนแทนในจำนวนเงินที่สูง โดยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินทำกินที่อยู่อาศัย กรอบการหารือในวันนี้เพื่อให้มีการบูรณาการแลกเปลี่ยนข้อมูลและวิธีการประสานงานเพื่อให้ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

"อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งมอบบัญชีรายชื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบให้กับ อธิบดีกรมสรรพากร เพื่อดำเนินมาตรการทางภาษี จำนวน 6 กลุ่ม วงเงินหมุนเวียนกว่า 1,400 ล้านบาท มีที่ดินรวมกันกว่า 3,400 ไร่ และมีข้อมูลว่าได้ฟ้องร้องบังคับคดีลูกหนี้กว่า 1,800 ราย ซึ่งการบูรณาการและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันอย่างใกล้ชิดเป็นการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน ในมิติของการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ" ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว

นายวิศิษฎ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังเล็งเห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการเงินเพื่อใช้จ่ายยามฉุกเฉิน จึงได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบพิโกไฟแนนซ์ เป็นสินเชื่อรายย่อยภายในจังหวัดให้กู้ยืมได้รายละไม่เกิน 50,000 บาท และเปิดโอกาสให้ผู้ที่ประสงค์ประกอบกิจการให้กู้ยืมเงินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งต้องมีคุณสมบัติเป็นนิติบุคคล มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท สามารถยื่นคำขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์กับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังโดยตรง หรือยื่นเอกสารผ่านธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.1359.go.th หรือโทรศัพท์สายด่วน 1359 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง