posttoday

เผยบึ้มตู้เอทีเอ็มเป็นซีโฟร์ คนร้ายหวังผลต่อทรัพย์

13 กันยายน 2560

ตำรวจเผยผลตรวจสอบระเบิดตู้เอทีเอ็มย่านกรุงเทพกรีฑา เป็นชนิดซีโฟร์ ไม่ใช่ระเบิดซับซ้อน เชื่อคนร้ายหวังผลต่อทรัพย์

ตำรวจเผยผลตรวจสอบระเบิดตู้เอทีเอ็มย่านกรุงเทพกรีฑา เป็นชนิดซีโฟร์ ไม่ใช่ระเบิดซับซ้อน เชื่อคนร้ายหวังผลต่อทรัพย์

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ  รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (รอง ผบก.สปพ.) หรือ 191 เดินทางเข้าพบ  พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง  เพื่อรายงานความคืบหน้าการเก็บหลักฐาน ตรวจพิสูจน์ เหตุระเบิดที่ตู้ เอทีเอ็ม บริเวณร้านค้าภายในซอยกรุงเทพกรีฑา 35 โดยเปิดเผยผลการตรวจสอบเบื้องต้นกับผู้สื่อข่าวว่า จากการตรวจสอบชิ้นส่วนวัตถุระเบิดที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นระเบิดซีโฟร์ แรงดันสูง น้ำหนักประมาณ 200 กรัม รัศมีการทำลายล้าง 25 เมตร คนร้ายใช้สายชนวนในการจุดระเบิด

"จากการตรวจสอบไม่ใช่ระเบิดที่ซับซ้อน เชื่อว่าคนร้ายหวังผลต่อทรัพย์มากกว่า สังเกตจากแผนประทุษกรรมคือนำระเบิดมาวางไว้บริเวณช่องรับเงินของตู้ เอทีเอ็ม"พ.ต.อ.กำธรกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ลักษณะการประกอบระเบิดมีความคล้ายหรือใกล้เคียงกับระเบิด โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า หรือหน้ากองสลากเก่า หรือระเบิดการเมืองก่อนหน้านั้นหรือไม่

พ.ต.อ.กำธร กล่าวว่า ไม่มีความใกล้เคียงกันเลย วิธีประกอบแตกต่างกัน เชื่อว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือสร้างสถานการณ์แน่นอน สำหรับคนที่ประกอบระเบิดนั้น ไม่จำเป็นต้องมีความชำนาญ มีความรู้ทั่วไปก็สามารถก็ประกอบได้ วัสดุหาง่าย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวชิ้นส่วนระเบิดไว้ตรวจสอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลจากห้องปฏิบัติการ

ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้แบ่งงานให้กับทั้งฝ่ายสอบสวนและฝ่ายสืบสวนแล้ว โดยขณะนี้ทราบจำนวนเงินที่คนร้ายได้ไปคือ 314,100บาท เป็นธนบัตร 1,000และ100 บาท ส่วนกล่องธนบัตร 500 ไม่ได้นำไปด้วยซึ่งคนร้ายอาจจะรีบร้อนจนไม่ได้นำไปด้วย ส่วนกล้องวงจรปิดขณะนี้ทราบว่ากล้องมีเพียงภายในตัวร้านค้าที่สามารถทำงานได้ แต่ภายนอกร้านนั้นกล้องวงจรปิดเสียทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสานขอกล้องวงจรปิดหน้าตู้เอทีเอ็มจากทางธนาคาร และยืนยันว่าการก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน ไม่ได้เป็นการก่อเหตุความไม่สงบ