posttoday

ทายาทโวยขายสุสานหาเงิน-'สมาคมฮกเกี้ยน' ปัดแผนสร้างคอนโด

07 กันยายน 2560

ทายาทฮกเกี้ยนค้านย้ายสุสานจากสีลม ไปอยู่ชลบุรี ชี้เป็นแผนหาเงินของสมาคม ทำเป็นที่จอดรถ ด้าน 'สมาคมฮกเกี้ยน' รับปัญหาน้ำท่วมปัดแผนสร้างคอนโด

ทายาทฮกเกี้ยนค้านย้ายสุสานจากสีลม ไปอยู่ชลบุรี ชี้เป็นแผนหาเงินของสมาคม ทำเป็นที่จอดรถ  ด้าน 'สมาคมฮกเกี้ยน' รับปัญหาน้ำท่วมปัดแผนสร้างคอนโด

นายเอนก จงเสถียร หนึ่งในครอบครัวที่มีบรรพชนฝังอยู่ที่สุสานฮกเกี้ยน ที่ถนนสีลม ซอย 9 เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ลูกหลานคนรุ่นใหม่นิยมใช้วิธีเผาศพมากกว่าการฝัง ทำให้การใช้สุสานฮกเกี้ยนลด น้อยลง เมื่อเป็นเช่นนี้ทางสมาคมฮกเกี้ยนจึงขอให้ลูกหลานครอบครัวต่างๆ ย้ายหลุมศพบรรพบุรุษออกไปอยู่ที่สุสานฮกเกี้ยน จ.ชลบุรี หากหลุมใดยอมย้ายก็จะปรับสภาพพื้นที่ให้กลายเป็นที่จอดรถทันที จึงเห็นได้ว่า มีความพยายามทำให้สภาพแวดล้อมดูเสื่อมโทรมเสียหาย น้ำเน่าท่วมขัง แล้วใช้คำพูดว่าดูน่าเวทนาทั้งที่สามารถปรับปรุงให้มีสภาพดีขึ้นได้ แต่ทางสมาคมไม่ยอมทำ

"อย่าบอกว่าไม่มีเงิน เพราะทุกวันนี้ทางสมาคมเรียกเก็บค่าเช่าที่จอดรถเดือนละ 6 หมื่นบาท จึงอยากขอเรียกร้องให้สมาคมฮกเกี้ยน ยอมรับความจริงว่าต้องการนำพื้นที่ไปใช้เป็นที่จอดรถ เก็บเงินค่าเช่ามากกว่าคงคุณค่าที่พำนักสุดท้ายของบรรพชน จะได้รู้ว่ากำลังขายสุสานของปู่ย่าเพื่อหาเงิน เพราะพื้นที่ถนนสีลมมีราคาแพงที่สุดในประเทศ" นายเอนก กล่าว

นายทวีชัย เจริณบัญฑิต ที่ปรึกษาที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมฮกเกี้ยนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เหตุผลสำคัญของการย้ายสุสานฮกเกี้ยน ถนนสีลม เนื่องจากน้ำท่วมขังทุกปี อีกทั้งแต่เดิมพื้นที่แห่งนี้มีขนาดกว้าง 4 ไร่ แต่ด้วยความจำเป็นจึงถูกกรุงเทพมหานคร (กทม.) เวนคืนที่ดินเพื่อสร้างถนนนราธิวาสราชนครินทร์และสร้างท่อระบายน้ำ กินพื้นที่ไป 274 ตารางวา ทำให้พื้นที่เหลือน้อยลงไม่สามารถเข้าไปบำรุงรักษาได้ รวมถึงขาดการดูแลจากทายาทบางครอบครัว จึงดูน่าเวทนาที่ต้องเห็นบรรพบุรุษนอนแช่น้ำเสียท่วมขังตลอดปี

อย่างไรก็ตาม ลูกหลานชาวฮกเกี้ยนที่มีจำนวนมากขึ้น ต้องการให้บรรพบุรุษได้พักอาศัยในสถานที่ที่ดีกว่าเดิม จึงตกลงกันว่าจะย้ายสุสานไปอยู่ในสถานที่ กว้างขวางที่ จ.ชลบุรี และยังมีการสร้างฮวงซุ้ยลักษณะแบบคอนโด สูง 5 ชั้น ไว้สำหรับครอบครัวที่มีข้อจำกัดเรื่องค่าใช้จ่าย

นายทวีชัย กล่าวว่า ยังไม่มีแผนเปลี่ยนสุสานแห่งนี้ไปสร้างเป็นที่จอดรถ หรือคอนโดมิเนียม แต่ถ้าสุสานไหนที่ไม่มีลูกหลานมาดูแลเกินกว่า 3 ปี ทางสมาคมจะโยกย้ายให้ ส่วนลูกหลานที่มาเยี่ยมต่อเนื่อง ทางสมาคมจะประสานงานให้โยกย้ายไปอยู่ที่ใหม่ โดยจะช่วยเหลือทุกครอบครัว ถือเป็นการพบกันครึ่งทาง ซึ่งโครงการนี้มีการดำเนินการมากว่า 2 ปี