ทส.ถอดใจแม่วงก์ อีเอชไอเอผ่านยาก
รมว.ทส.ชี้อีเอชไอเอเขื่อนแม่วงก์ผ่านยาก หลังพบเสือโคร่งเพิ่มในพื้นที่ เชื่อรัฐบาลไม่ใช้มาตรา 44 สร้างเขื่อน
รมว.ทส.ชี้อีเอชไอเอเขื่อนแม่วงก์ผ่านยาก หลังพบเสือโคร่งเพิ่มในพื้นที่ เชื่อรัฐบาลไม่ใช้มาตรา 44 สร้างเขื่อน
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ล่าสุดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พบประชากรเสือโคร่งในป่าตะวันตกเพิ่มขึ้น ทำให้เชื่อว่ารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) ของเขื่อนแม่วงก์จะผ่านได้ลำบาก
"จากนี้ ทส.และกรมอุทยานฯ ต้องทำทุกวิถีทางให้พื้นที่ป่าตะวันตกมีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งให้ได้" พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว
นายกิตติพัฒนธ์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ กล่าวว่า พบเสือโคร่งใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 ตัว กระจายกันอยู่ทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่จะก่อสร้างเป็นหัวเขื่อนแม่วงก์พบถึง 2 ตัว ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี ทั้งนี้ จากพฤติกรรมเสือโคร่งเกือบทั้งหมดได้ขยายพื้นที่หากินมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี ซึ่งอยู่ในกลุ่มป่าตะวันตกเหมือนกัน
ด้าน น.ส.รุ้งนภา พูลจำปา นักวิจัยของกองทุนสัตว์ป่าโลก กล่าวว่า ช่วงประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา มีเสือโคร่งตัวเต็มวัยได้ขยายพื้นที่ออกมายังอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ 2 ตัว และสามารถขยายพันธุ์เพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 8 ตัว ในจำนวนนี้กล้องดักถ่ายภาพสัตว์ที่ติดเอาไว้ทั่วพื้นที่อุทยานฯ แม่วงก์สามารถบันทึกภาพเสือตัวเต็มวัยเอาไว้ได้ไม่ต่ำกว่า 10 ตัว โดยแต่ละตัวมีพื้นที่หากินประจำอยู่พื้นที่แห่งนี้
นอกจากนี้ ยังพบว่าเสือโคร่งไม่ต่ำกว่า 2 ตัว ที่มีลูกอ่อน แต่ในหลักการของการวิจัยยังไม่สามารถนับลูกอ่อนเหล่านี้ได้ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าแม่เสือจะสามารถเลี้ยงลูกได้รอด หรือไม่ อย่างไรก็ตาม อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ร่วมกับกองทุนสัตว์ป่าโลกได้ทำรายงานส่งไปยังสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ศึกษาวิจัยเรื่องเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนแล้ว
"ประเทศไทยมีความหวังสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนที่สามารถเพิ่มจำนวนเสือโคร่งในป่าให้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้คือ 50% ของจำนวนที่มีอยู่ภายในปี 2565 ซึ่งขณะนี้ ประเทศไทยมีเสือจำนวน 250-300 ตัวแล้ว" น.ส.รุ้งนภา กล่าว