posttoday

ศศิน เผยจระเข้น้ำเค็มที่จับในภูเก็ต ซึมเศร้า-ไม่กินอาหาร แนะหาทางปล่อยคืนธรรมชาติ

04 กันยายน 2560

ศศิน เฉลิมลาภ เผยจระเข้น้ำเค็มที่จับในภูเก็ต ซึมเศร้า-ไม่กินอาหาร แนะควรย้ายไปที่ใหม่-ก่อนปล่อยคืนธรรมชาติ

ศศิน เฉลิมลาภ เผยจระเข้น้ำเค็มที่จับในภูเก็ต ซึมเศร้า-ไม่กินอาหาร แนะควรย้ายไปที่ใหม่-ก่อนปล่อยคืนธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 4 ก.ย.  นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เสนอแนวทางการดำเนินการต่อจระเข้น้ำเค็ม ที่จับได้ในจังหวัดภูเก็ต หลังนำไปพักฟื้นในบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) ว่า ปัจจุบันจระเข้น้ำเค็ม มีอาการซึมเศร้า ไม่กินอาหาร เนื่องจากปกติจะอาศัยอยู่ในน้ำ และชายฝั่งที่มีลักษณะพื้นกว้าง การจับจระเข้มาพักไว้ในบ่อซีเมนต์ ที่มีพื้นที่ไม่เหมาะสม ทำให้จระเข้น้ำเค็มเกิดความเครียด และส่งผลต่ออาการอื่นตามมา

ในฐานะที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียรเป็นองค์กรทำงานด้านการอนุรักษ์ปกป้องป่าผืนใหญ่ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และความหลากหลายทางระบบนิเวศแล้ว มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยังให้ความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตชนิดพันธุ์ที่สำคัญและถูกคุกคาม จึงมีข้อเสนอแนะ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณะชนในการร่วมกันรักษาไว้ ซึ่งพันธุกรรมของสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ชนิดนี้

1. ระยะเร่งด่วน ควรย้ายจระเข้น้ำเค็มไปยังพื้นที่รองรับทางธรรมชาติที่เหมาะสม รูปแบบพื้นที่ปิด เพื่อการศึกษาวิจัย และเป็นการลดอาการเครียดของจระเข้ เช่น สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า หรือหน่วยงานที่มีศักยภาพเหมาะสมในการดูแลจระเข้ดังกล่าว

2. ระยะยาว ศึกษาทางเลือกในการปล่อยคืนพื้นที่ธรรมชาติ ในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูชนิดพันธุ์จระเข้น้ำเค็ม ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีถิ่นอาศัยกระจายอยู่ในเขตอินโด-แปซิฟิก ตั้งแต่อ่าวเบงกอล หมู่เกาะอันดามัน เขตประเทศอาเซียนทั้งหมด ไปจนถึงตอนเหนือออสเตรเลีย และจากการจัดสถานภาพของจระเข้น้ำเค็มในประเทศไทยอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered-CR)

3. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีบทบาทสำคัญในการรักษาแหล่งพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ซึ่งจระเข้น้ำเค็มประสบกับสถานภาพอันน่าเป็นห่วง ประกอบไปด้วยจำนวนประชากรที่มีน้อยลงมาก อีกทั้งถิ่นอาศัยลดลง จึงควรมีการบูรณาการการดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วมกับกรมประมง เพื่อดูแลรักษาและปล่อยคืนพื้นที่ธรรมชาติ รวมถึงการศึกษาวิจัยเพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสมตามข้อที่ 2

4. ควรเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนได้รับทราบเกี่ยวกับจระเข้น้ำเค็ม รวมถึงบทบาทความสำคัญของจระเข้ในธรรมชาติที่นอกจากจะช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศแล้ว ยังมีโอกาสส่งเสริมเรื่องของการท่องเที่ยว เอื้อให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของมนุษย์กับสัตว์ป่า ซึ่งมีตัวอย่างในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า เป็นต้น

ที่มา ศศิน เฉลิมลาภ