เปิดผลสำรวจผู้โดยสารเบาะหลังแท็กซี่คาดเข็มขัดนิรภัยแค่3%
เผยผลสำรวจผู้โดยสารนั่งเบาะหลังแท็กซี่คาดเข็มขัดนิรภัยแค่3% ชี้มีความเสี่ยงบาดเจ็บ-เสียชีวิตสูงหากเกิดอุบัติเหตุ
เผยผลสำรวจผู้โดยสารนั่งเบาะหลังแท็กซี่คาดเข็มขัดนิรภัยแค่3% ชี้มีความเสี่ยงบาดเจ็บ-เสียชีวิตสูงหากเกิดอุบัติเหตุ
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. บริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยผลสำรวจ มูลนิธิไทยโรดส์ ที่ได้สํารวจอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้โดยสารนั่งเบาะตอนหลังในรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER)
ผลสำรวจดังกล่าวได้สำรวจในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ จํานวน 8 จุด ประกอบด้วย เขตราชเทวี เขตบางกอกน้อย เขตคลองเตย และเขตคลองสาน เขตบางนา เขตพระโขนง เขตภาษีเจริญ และเขตราษฎร์บูรณะ โดยเก็บข้อมูลเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงเวลา 07.00 - 17.00 น. ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2560 รวมทั้งสิ้น 3,260 คัน จํานวนผู้โดยสารนั่งเบาะตอนหลัง 3,717 คน
ผลสำรวจพบว่า มีอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้โดยสารนั่งเบาะตอนหลังในรถแท็กซี่ เพียง 3 % และไม่คาดเข็มขัดนิภัย สูงถึง 97 %จำแนกเป็น เพศชาย คาดเข็มขัดนิรภัย 4 % ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 96 % ส่วนเพศหญิง คาดเข็มขัดนิรภัย 3% ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 97 %
นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้โดยสารยังละเลยและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อย เพราะเข้าใจว่าการนั่งโดยสารรถ ถ้านั่งเบาะหลังน่าจะปลอดภัยกว่านั่งเบาะหน้า หรือหากเป็นการใช้บริการรถแท็กซี่หรือรถโดยสารสาธารณะ มักคิดว่านั่งไม่นานก็ลง ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว รถที่วิ่งด้วยความเร็ว 60 กม/ชม. หากเกิดอุบัติเหตุจะทำให้คนที่นั่งบนรถพุ่งไปข้างหน้าและเมื่อมีการปะทะคนหรือวัตถุในตัวรถ แรงปะทะจะเทียบเท่ากับการตกตึก 5 ชั้น ส่งผลให้คนที่ไม่คาดเข็มขัดทะลุกระจก ชนเก้าอี้หรือคนที่นั่งอยู่ตอนหน้า ทำให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงได้
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ขับรถยนต์และผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่รอดตายเพราะคาดเข็มขัดนิรภัย เพราะเข็มขัดนิรภัยสามารถลดความรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ถึง 34-40 % เมื่อเทียบกับการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่มีการสำรวจและจัดอันดับการคาดเข็มขัดนิรภัยใน 182 ประเทศทั่วโลก ปรากฏว่า 1 ใน 4 ของประเทศที่สำรวจอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนประเทศไทยได้คะแนน 6 จากคะแนนเต็ม 10 ถือว่ายังไม่เข้มข้นเท่าที่ควร
น.ส.นิตยา พิริยะธรรมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัย กล่าวว่า ปัจจุบัน พฤติกรรมของผู้โดยสารส่วนใหญ่จะคาดเข็มขัดนิรภัยแถวหน้าจนเป็นนิสัยแล้ว ในขณะที่ผู้โดยสารที่เบาะหลังจำนวนมากยังไม่คุ้นชินกับการคาดเข็มขัดนิรภัยและเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ความเสียหายทั้งด้านทรัพย์สินและชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
ทั้งนี้ ชับบ์ประกันภัยมีความประสงค์ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในสังคมในการผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้โดยสารรถยนต์ โดยดำเนินการรณรงค์ปลุกจิตสำนึกผ่านสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ อาทิ สติ๊กเกอร์ ป้ายติดกระจกรถยนต์ โปสเตอร์ สปอตวิทยุ โดยเริ่มรณรงค์ในกลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่ด้วยการติดสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งในตัวรถและนอกรถ เพื่อให้เกิดการรับรู้และนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการคาดเข็มขัดนิรภัยแถวหลัง โดยจะรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการรับรู้และตระหนักถึงอันตรายจากการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จนเกิดความเคยชินจนติดเป็นนิสัย เหมือนกับการคาดเข็มขัดนิรภัยแถวหน้า เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้โดยสารเอง
ด้าน นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า บทลงโทษตามกฎหมายจราจรทางบกฯ หากผู้ขับหรือผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ รถแท็กซี่ จะโดนปรับคนละไม่เกิน 500 บาท แต่หากเป็นรถโดยสารขนาดใหญ่ รถตู้โดยสาร รถทัวร์ รถบรรทุกสินค้า คนขับถูกปรับไม่เกิน 500 บาท ส่วนผู้โดยสารถูกปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตามมาตรา 113