posttoday

ฝั่งแม่เด็กชี้แจงกรณี "ลูกกรีดร้องตามพ่อ" วอนพิจารณาข้อเท็จจริงรอบด้าน-เสียใจสื่อเสนอเเต่ดราม่า

28 สิงหาคม 2560

เพจดังเผยข้อความจากฝั่งเเม่เด็ก กรณีเด็กกรีดร้อง ไม่ยอมไปอยู่กับแม่ ทั้งๆ ที่ศาลสั่งเเล้ว ระบุ ความเจ็บปวดของคนเป็นเเม่เเละมุมมองที่สื่อไม่นำเสนอ

เพจดังเผยข้อความจากฝั่งเเม่เด็ก กรณีเด็กกรีดร้อง ไม่ยอมไปอยู่กับแม่ ทั้งๆ ที่ศาลสั่งเเล้ว ระบุ ความเจ็บปวดของคนเป็นเเม่เเละมุมมองที่สื่อไม่นำเสนอ

จากกรณี ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.ชลบุรี มีคำสั่งให้พ่อชาวฝรั่งเศสนำเด็กทั้ง 2 คน ส่งคืนให้แม่ปกครอง  จนบังเกิดภาพสุดสะเทือนใจแชร์กันทั่วโลกโซเชียล เนื่องจากเด็กมีท่าทีไม่ยอมไปกับผู้เป็นแม่ ส่งเสียงร้องสะอึกสะอื้น จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าเป็นตัวกลางนำเด็กส่งจิตแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพจิต เป็นเวลา 7 วันนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ส.ค. เพจแหม่มโพธิ์ดำ รายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยโพสต์ข้อความจากฝ่ายที่อ้างว่าอยู่ฝั่งของคุณเเม่เด็ก เนื้อหาระบุว่า

อยากจะเล่ารายละเอียดทั้งหมด แต่ก็ติดทางแม่ของเด็ก อยากปกป้องลูก ไม่อยากให้เราออกมาชี้แจงกับทางสื่อ ซึ่งตอนที่ข่าวออก คุณอาจจะเห็นตอนที่ทั้งฝ่ายพ่อและแม่ยื้อยุดฉุดกระชากกัน นั่นคือภาพที่สังคมเห็นและตั้งคำถาม เเต่โปรดทราบว่าทุกคนเจ็บปวด แม่ของเด็ก ทนาย ทีมงาน และเพื่อนๆ ที่ช่วยต่อสู้คดี ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ก่อนหน้าที่ถ้าผู้ใหญ่ ก็คือพ่อกับแม่ของเด็กทั้งสอง ตกลงเรื่องสิทธิปกครองบุตรได้ เรื่องคงไม่ได้ดราม่าข้ามปี จากช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จนถึงวันที่ 25 กันยายน 2560 ฝั่งแม่ที่สู้เพื่อลูกมาตลอด จนศาลได้มีคำสั่ง ให้แม่มีสิทธิปกครองลูก จนกว่าจะขึ้นศาลนัดถัดไป

คิดว่าระยะเวลาจากเดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนสิงหาคมยาวนานไหมคะแล้วถ้าคุณจะต้องรอคอยเพื่อให้ได้เจอลูก ได้กอด ได้พาลูกกลับบ้าน หัวอกคนเป็นแม่แทบใจจะขาด เหตุเกิดจากแบ่งสิทธิปกครองบุตรกันไม่ได้ ต้องขึ้นศาล และหลังจากนั้นฝั่งพ่อจึงไปแจ้งความเรื่องเด็กถูกละเมิดทางเพศ และเดินหน้าร้องเรียน

หลายคนดูข่าวก็พากันประนามว่า แม่ชั่วปล่อยให้พ่อเลี้ยงทำร้ายลูกได้อย่างไร เเต่อยากให้ลองคิดดูว่า หากเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับเด็กจริง เเละมีการร้องเรียนกับสื่อต่างๆ มูลนิธิ กองปราบปราม สถานทูตฯ ตามที่พ่อกล่าวอ้าง น่าแปลกใจหรือไม่ทำไมไม่มีสถานที่ใด ยกเว้นสื่อที่รับเรื่องเเละนำมาเผยเเพร่เลย มีเพียงสื่อเท่านั้นที่เป็นเสียงให้ทางฝ่ายพ่อ จริงๆแล้ว ตำรวจจะต้องดำเนินการจับกุมพ่อเลี้ยงในคดีละเมิดทางเพศแล้ว หรืออย่างน้อยมูลนิธิก็ต้องเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

"แต่ทำไมเมื่อฝ่ายพ่อไปร้องแล้วทางมูลนิธิถึงไม่ได้ออกมา เพราะการที่จะดำเนินคดีให้ทางพ่อเลี้ยงได้รับโทษจะต้องมีหลักฐาน ซึ่งหลักฐานก็คือผลการตรวจร่างกายจากทางแพทย์ ผลคืออะไรดิฉันคงไม่ต้องบอก เพราะถ้าผลออกมาเป็นด้านลบ ดิฉันเองซึ่งทราบที่อยู่ของพ่อเลี้ยง จะเข้าไปจัดการแบบกฎหมู่ จะไม่รอให้สังคมมาประนามตอนออกข่าวหรอกค่ะ"

สาวรายนี้บอกต่อว่า ขออนุญาติอธิบายเพียงเเค่นี้ เพราะเกรงว่าถ้าเจาะลึกลงไป จะเผลอนำส่วนสำคัญในการต่อสู้คดีหลุดออกมา ขอให้ผู้ทุกคนที่รับฟังสื่อได้พิจารณาข้อเท็จจริงและกรุณาอย่าได้นำรูปของเด็กๆ และทุกๆ ฝ่ายมาเผยเเพร่ เนื่องจากบอบช้ำกันเต็มที่เเล้ว ขณะที่ฝ่ายเเม่ไม่ต้องการออกสื่อ เพราะคำนึงถึงอนาคตของลูก ซึ่งอาจเป็นผลกระทบระยะยาว อย่างไรก็ตามผลร้ายที่ไม่ได้ชี้เเจงต่อสื่อก็คือ การดูด่าอยู่ฝ่ายเดียว โดยคนที่ไม่ได้ทราบข้อเท็จจริง

ฝ่ายเเม่เด็กบอกต่อว่า เด็กอยู่กับฝั่งพ่อมาตลอด ดิฉันไม่อยากว่าร้าย แต่การใช้เด็กมาเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของผู้ใหญ่ เป็นเรื่องโหดร้าย การที่พูดว่าอย่างไรก็ต้องเอาเด็กไป เกิดขึ้นหลังจากการไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ภาพข่าวไม่ได้ลงตอนที่แม่ลูกโผเข้ากอดกันแบบเห็นแล้วใจจะขาดตาม นักข่าวไม่ตามไปต่อที่โรงพยาบาล ว่าเด็กกอดแม่ ซุกอกแม่ ไม่อยากให้แม่กลับ เด็กเก็บเส้นผมแม่ใส่กระเป๋า เพราะบอกว่าเวลาคิดถึงจะได้ดมเส้นผมแม่ ขอโทษแม่ที่กรีดร้องใส่ ภาพสวยงามของความรัก ไม่มีใครอยากนำมาถ่ายทอด ลงเเต่ตอนที่มีปัญหากัน ซึ่งการที่เด็กเเสดงปฏิกริยาแบบนั้น เพราะเริ่มเครียด ทางแม่ต้องการพาลูกไปรักษา อยากให้ลูกได้เข้าไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแบบเด็กทั่วไป

ภาพจาก เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ , Hathairat Phaholtap