posttoday

ชาวซีเรียร้องยธ. อ้างลูกถูกอาสาตำรวจจับตัวรีดทรัพย์5แสน

21 สิงหาคม 2560

บิดาชาวซีเรียร้อง ยธ.เผย ลูกชายถูกอาสาตำรวจจับหลังวีซ่าเกินกำหนดพร้อมเรียกเงินกว่า 5.5 แสนบาท ยืนยันมีหนังสือลี้ภัย

บิดาชาวซีเรียร้อง ยธ.เผย ลูกชายถูกอาสาตำรวจจับหลังวีซ่าเกินกำหนดพร้อมเรียกเงินกว่า 5.5 แสนบาท ยืนยันมีหนังสือลี้ภัย

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม(ยธ.) นายอัลฮลาบิ โมฮัมหมัด ยาเซอร์ อายุ 47 ปี ชาวซีเรีย พร้อมด้วยนายปัณชพัฒน์ เลิศธีรเรืองกุล เจ้าหน้าที่ล่าม เดินทางเข้าร้องทุกข์ ต่อ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หลังจากถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลในย่านนานารีดไถและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ พร้อมยังเรียกเงินค่าประกันตัว

นายปัณชพัฒน์ กล่าวว่า ลูกชายของนายยาเซอร์ คือนายอัลฮลาบิ โมฮัมหมัด วาเอล อายุ23 ปี ชาวซีเรีย มาอยู่ประเทศไทยได้3ปี เป็นช่างตัดผมในร้านทำผมในนานาซอย3 แต่ถูกจับโดยอาสามาสมัครตำรวจ เป็นคนพาตำรวจจากสน.แห่งหนึ่ง มาจับไปประมาณเดือน มิ.ย. ในข้อหาอยู่อาศัยในประเทศไทยเกินระยะเวลาที่กำหนดและนำตัวส่งที่สถานีตำรวจ

จากนั้นมีกลุ่มคน3คนอ้างว่าเป็นอาสาสมัครของสถานีตำรวจ เรียกร้องเงินค่าไถ่ถอนตัว หากต้องการให้ปล่อยลูกชาย ทางนายยาเซอร์ จึงตกลงจ่ายเงินไปหลายครั้งรวมแล้วประมาณ 550,000 บาท แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปล่อยตัวลูกชายออกมาตามที่ตกลง เมื่อทางนายยาเซอร์ทวงถามกลับถูกตำรวจมาจับไปในข้อหาเดียวกัน แต่นายยาเซอร์ได้จ่ายเงินอีก 150,000 บาทให้แก่ผู้ที่อ้างว่าเป็นนายหน้าว่าจะได้รับการปล่อยตัวมา แต่ตอนนี้ลูกชายยังคงอยู่ที่สถานกักตัวคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สวนพลู

"ที่มาวันนี้ขอความเป็นธรรมให้ทางกระทรวงยุติธรรมช่วยหาทางนำตัวลูกชายออกมาให้เร็วที่สุดเนื่องจากห่วงเรื่องสุขภาพเพราะที่เห็นหน้ากันครั้งล่าสุดนายวาเอลอยู่ในสภาพถูกทำร้ายร่างกายมีเลือดออกทางปากและจมูก พร้อมกันนี้นายยาเซอร์ได้นำหลักฐานหนังสือผู้ลี้ภัยของตัวเองและลูกชาย ที่ได้รับจากทางยูเอ็นเอสซีอาร์มาแสดงด้วย" นายปัณชัฒน์ กล่าว

นายปัณชพัฒน์ กล่าวอีกว่า นายยาเซอร์เคยได้พยายามแจ้งความร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่มีการรับเรื่องเป็นคดีความ เนื่องจากพื้นที่นานามีเรื่องจากการเรียกเก็บเงินจากชาวต่างชาติอยู่เป็นประจำ รวมทั้งอีกเหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะนายยาเซอร์เองก็เป็นชาวต่างชาติที่อยู่เกินกำหนดเช่นกัน

ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า จะประสานเรื่องดังกล่าวให้ทาง ปปท. ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย