posttoday

ทหารคุม "พลกฤต" มืออุ้มฆ่าน้องพลอยส่งตำรวจ สารภาพทุกข้อหา

16 สิงหาคม 2560

ทหารคุมตัว "พลกฤต" มืออุ้มฆ่า "น้องพลอย" ส่งมอบให้ตำรวจที่กองปราบฯ เจ้าตัวสารภาพ เจ้าหน้าที่ตั้ง 5 ข้อหาหนัก

ทหารคุมตัว "พลกฤต" มืออุ้มฆ่า "น้องพลอย" ส่งมอบให้ตำรวจที่กองปราบฯ เจ้าตัวสารภาพ เจ้าหน้าที่ตั้ง 5 ข้อหาหนัก

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ควบคุมตัว นายพลกฤต หรืออดีต ส.อ.พลกฤต วิเศษ อายุ 29 ปี มาที่กองปราบปรามส่งมอบให้กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก่อนเข้าสู่กระบวนการตรวจร่างกาย โดยแพทย์จาก รพ.ตำรวจ พิมพ์ลายนิ้วมือและถ่ายรูปทำประวัติตามขั้นตอนก่อนแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดี

สำหรับ นายพลกฤต ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกจังหวัดสระบุรี ที่ จ.80/2557 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2557 ข้อหาพาผู้อื่นไปเพื่ออนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย และหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 18 ที่ จ.1 ก/2560 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ ทำให้เสียทรัพย์ ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และเคลื่อนย้ายทำลายศพหรือส่วนหนึ่งของศพ

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายพลกฤต ไปยังห้องชี้ตัวผู้ต้องหา เพื่อให้นางพัชรี มารดาของ น.ส.พลอยนรินทร์ ได้ชี้ตัว โดยนายพลกฤต ยืนปะปนกับตำรวจอีก 5 คน รวม 6 คน และมีเลข 1-6 กำหนดไว้ ซึ่งนางพัชรี สามารถชี้ตัวนายพลกฤต ได้อย่างถูกต้องทั้ง 3 ครั้ง

อย่างไรก็ดี ภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนดังกล่าวแล้ว จึงคุมตัวนายพลกฤต เดินทางไปยัง สภ.หินซ้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี รับไปสอบสวนก่อนจะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป

ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายพลกฤต เพื่อขึ้นรถตู้ตำรวจเดินทางไปยัง สภ.หินซ้อน นั้น ทางผู้ต้องหาได้สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ เพื่อปิดบังใบหน้าในระหว่างที่ต้องฝ่ากลุ่มสื่อมวลชนที่มารอเฝ้าติดตามทำข่าว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งยังกันตัวนางพัชรี เพื่อไม่ให้เข้าใกล้ตัวผู้ต้องหาด้วย

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยข้อหาหลัก คือ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รวมทั้งหมด 4 ข้อหา โดยอ้างว่าลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว และไม่ได้ใช้อาวุธ แต่หากมีผู้ใดเกี่ยวข้องก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนสาเหตุที่ลงมือขอไม่เปิดเผยเพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน สำหรับกรณีที่มีการระบุว่าบิดาของผู้ต้องหาซึ่งเป็นนายทหารยศ พ.อ.มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาระหว่างหลบหนีคดีตลอด 3 ปีนั้น คงไม่มีเรื่องอิทธิพล หรือส่งผลต่อการดำเนินคดีแต่อย่างใด โดยเฉพาะในยุค คสช.คงทำไม่ได้

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า ได้ซักถามคำให้การของผู้ต้องหาในเบื้องต้นเท่านั้น หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะได้สอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะในรายละเอียดประเด็นต่างๆ ส่วนสาเหตุที่เพิ่งมีการจับกุมผู้ต้องหาได้หลังจากญาติผู้เสียชีวิตแจ้งความร้องทุกข์ไว้นานถึง 3 ปีแล้วนั้น เป็นเพราะผู้ต้องหาย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยตลอดเวลา จึงยากต่อการติดตามจับกุม อย่างไรก็ดี ในเรื่องของการสืบสวนจับกุมบางครั้งก็แล้วแต่จังหวะและโอกาสด้วย

ทหารคุม "พลกฤต" มืออุ้มฆ่าน้องพลอยส่งตำรวจ สารภาพทุกข้อหา

รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่นางพัชรี มารดาผู้เสียชีวิต ได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิดาและภรรยาของผู้ต้องหารายนี้ คอยให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ว่า หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาก็ต้องถูกพิจารณาดำเนินคดีทั้งหมด ไม่มียกเว้น ส่วนกรณีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีการพาตัว น.ส.พลอยนรินทร์ ไปยังสถานที่ราชการแห่งหนึ่งนั้น ตนยังไม่ทราบแต่ผู้ต้องหาอ้างว่าก่อเหตุฆ่าและเผาศพผู้เสียชีวิตภายในวันเดียว

 

"สาเหตุที่ผู้ต้องหายอมมอบตัวก็เพราะถูกเจ้าหน้าที่กดดัน เพราะมีการปิดล้อมพื้นที่ไว้หมดแล้ว จะหลบหนีอย่างไรก็ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี สำหรับปมเหตุการณ์สังหารนั้นยังไม่สามารถชี้ชัดได้คงต้องรอการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งของพนักงานสอบสวนก่อน เพราะเพิ่งรับโอนสำนวนคดี และที่ได้ซักถามเบื้องต้นจะเป็นตามข้อหาที่ขออำนาจศาลออกหมายจับไว้เท่านั้น ซึ่งทางผู้ต้องหาก็รับสารภาพทุกข้อหา"พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว

แหล่งข่าวระบุว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ก่อเหตุฆ่าน้องพลอย จริง โดยสาเหตุเกิดจากโกรธแค้นที่ถูกตีตัวออกห่าง หลังจากทราบว่านายพลกฤต ผู้ต้องหามีครอบครัวอยู่แล้ว จึงขับรถยนต์ไปรับน้องพลอย ที่หน้าโรงงานใน จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นก็เรียกผู้เสียชีวิตขึ้นรถเพื่อมาเจรจา พร้อมทั้งนำจักรยานของผู้เสียชีวิตขึ้นรถไปด้วย ซึ่งระหว่างทางได้เกิดมีปากเสียงกันจึงลงมือบีบคอน้องพลอยแต่พลั้งมือ จนทำให้น้องพลอย เสียชีวิต ก่อนจะขับรถเข้าบ้านพักของบิดาซึ่งเป็นอดีตทหารยศ พ.อ.ในค่ายทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี เพื่อไปเอายางรถยนต์ 4 เส้น น้ำมันเบนซิน 1 ถัง นำศพไปเผานั่งยาง บริเวณริมถนนสายแก่งคอย-แสลงพัน หมู่ 2 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เนื่องจากเคยมาฝึกซ้อมรบบริเวณนี้ และภายหลังเกิดเหตุก็เกรงกลัวความผิดจึงหลบหนีไปตามสถานที่ต่างๆ โดยขาดราชการเกิน 15 วัน จึงถูกต้นสังกัดไล่ออกจากราชการ กระทั่งมาถูกจับกุมตัวในที่สุด

ทหารคุม "พลกฤต" มืออุ้มฆ่าน้องพลอยส่งตำรวจ สารภาพทุกข้อหา