posttoday

ฝ่ายปกครองชี้แจงข้อเท็จจริง "จับตำรวจพกปืน"

23 กรกฎาคม 2560

โลกออนไลน์ส่งต่อข้อความชี้แจงข้อเท็จจริงจากกรมการปกครอง จ.พัทลุง กรณีจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจพกปืน

โลกออนไลน์ส่งต่อข้อความชี้แจงข้อเท็จจริงจากกรมการปกครอง จ.พัทลุง  กรณีจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจพกปืน

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจับกุม ส.ต.ต. ผบ.หมู่ ป.สภ.ยะหา จังหวัดยะลา พร้อมด้วยอาวุธปืนของทางราชการ เอ็ม 16 และอาวุธปืนสั้นที่อยู่ในรถ  จนกลายเป็นข้อวิวาทระหว่างตำรวจและฝ่ายปกครอง เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วสังคมออนไลน์

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการอ้างหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงจากกรมการปกครอง ในประเด็นดังกล่าวส่งต่อถึงสื่อมวลชนเเละขณะนี้กระจายไปทั่วโลกออนไลน์โดยเนื้อหาระบุว่า

วันเกิดเหตุ 21 ก.ค. 60 มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติด ตามแผนการรักษาความสงบเรียบร้อยของจังหวัดพัทลุงซึ่งปฏิบัติเป็นประจำทุกเดือน โดยมีการปล่อยแถวและให้โอวาทจากผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงก่อนออกปฏิบัติงานเป้าหมายของการปฏิบัติเป็นการป้องปรามการใช้อาวุธสงครามและการคัดกรองหาผู้เสพยาเสพติดจึงมีการตั้งด่านตรวจค้น 2 จุด ในตัวเมืองพัทลุงซึ่งมีการประกอบกำลังทั้งฝ่ายปกครอง และทหาร จำนวนประมาณ 80 นาย

รายละเอียดในวันดังกล่าว

1.ได้ผู้เสพยาเสพติดมากถึง 30 คน เพื่อเข้ารับการบำบัด

2.พบมีเจ้าหน้าที่ของรัฐนำอาวุธปืนติดยานพาหนะมาด้วยหลายราย แต่เมื่อพิจารณาแล้วไม่ได้มีพิรุธใดๆ จึงให้นำใบป.4 มาแสดง เมื่อสามารถแสดงได้ก็ไม่ได้จับกุมดำเนินคดี แต่อย่างใด

3.เวลาใกล้เที่ยงคืน พบ ส.ต.ต.รณชาติ ฯ ขับรถยนต์โตโยต้าวีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน กท - 4108 มีอารุธปืนที่ใช้ในราชการสงคราม (M 4)
และปืนพกขนาด 9 มม. ใส่แมกกาซีนบรรจุกระสุนพร้อมใช้งาน วางอยู่ในห้องโดยสารในลักษณะที่สามารถหยิบมาใช้ได้ทันที

เมื่อพบอาวุธสงครามจึงได้สอบถาม ทราบว่าเป็นตำรวจสภ.ยะหา จ.ยะลา จึงขอให้แจ้งที่สภ.ยะหา ส่งไลน์บัญชีคุมอาวุธปืนมาให้ตรวจสอบ

ระหว่างนั้น ได้สอบถามว่าจะเดินทางไปไหน ส.ต.ต.รณชาติฯ มีอาการอ้ำอึ้งและตอบว่าจะเดินทางกลับสภ.ยะหา โดยออกจากบ้านที่ จ.ตรัง จนท.จึงสอบถามว่าเดินทางจากบ้านที่จ.ตรังกลับยะลา ทำไมจึงต้องเข้ามาในตัวเมืองพัทลุง เนื่องจาก หากเดินทางจากจ.ตรัง ก็ขับรถสายเอเชีย วิ่งตรงลงไปหาดใหญ่ได้โดยง่าย แต่เหตุใดจึงต้องวกเข้ามาในตัวเมืองพัทลุง (จุดเกิดเหตุเป็นสามแยกท่ามิหรำ ในตัวเมืองพัทลุง)

ส.ต.ต.รณชาติ ฯ ตอบว่าจะเข้ามานอนพักในตัวเมืองพัทลุง (ระยะทางจากตรัง - พัทลุง ห่างเพียง 80-90 กม.)

เมื่อจนท.ตรวจสอบทะเบียนรถที่ส.ต.ต. รณชาติ ฯ ขับมา พบว่า เป็นป้ายทะเบียนปลอม (ทะเบียนนี้เป็นของรถยนต์ซูซูกิ ชื่อผู้ครอบครองเป็นหญิง) จนท.จึงเกิดมีความสงสัยหลายประการ แต่เมื่อส.ต.ต.รณชาติฯ ได้นำทะเบียนคุมอาวุธปืนราชการสงครามที่ส่งไลน์มาให้จนท.ดูแล้ว จนท.กำลังจะอะลุ้มอะล่วย เพื่อมิให้เกิดปัญหากับตัว ส.ต.ต.รณชาติฯ ที่นำอาวุธปืนสงครามออกมานอกที่ตั้งกลับบ้าน

แต่เมื่อเอาทะเบียนคุมมาให้ดูแล้ว ส.ต.ต.รณชาติฯ กลับพูดจาทำนองไม่ให้เกียรติจนท. ว่า ใช้อำนาจอะไรมาตั้งด่าน มีการตั้งร่วมกันสามฝ่ายหรือไม่

ระหว่างที่กำลังพูดคุยอยู่ที่จุดตรวจนั้น พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รองผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ เมื่อทราบว่ามีการนำอาวุธสงครามออกมาจากที่ตั้ง จึงได้กล่าวตำหนิ ว่าผิดทั้งระเบียบและกฎหมาย และยังเป็นการขัดคำสั่งของหัวหน้าคสช.ที่ห้ามเคลื่อนย้ายอาวุธสงครามออกนอกหน่วยอีกด้วย

และพ.ต.อ.ตรีวิทย์ฯ ได้สั่งการให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยมิได้ขอให้มีการปล่อยตัวส.ต.ต.รณชาติฯ อย่างที่มีผู้นำไปอ้างในโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด

เรื่องกระแสในโซเชียลมีเดียนี้ ขอให้ผู้แชร์ข้อมูล พึงระมัดระวัง เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง

ทั้งนี้ขอให้สอบถามข้อเท็จจริงจากผู้อยู่ในเหตุการด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จนท.ผู้ปฏิงานในการรักษาความสงบเรีบร้อยให้แก่ประชาชน อาจหมดกำลังใจในการทำงานได้เพราะความเข้าใจผิด และสื่อก็ไม่ไปสอบถาม ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานจริงในวันนั้นที่อยู่ในเหตุการณ์ได้มีโอกาสชี้แจงบ้าง

เนื้อหาที่ถูกต่อส่งกันยังตั้งคำถามด้วยว่า หากท่านเป็นจนท.พบคนที่ขับรถสวมป้ายทะเบียนปลอม ขับรถพกปืนพก และพาอาวุธสงครามบรรจุกระสุนพร้อมใช้งาน ผ่านมาในตัวเมืองยามวิกาล เมื่อสอบถามแล้วกลับให้การวกวนเป็นพิรุธไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ แม้ท่านจะทราบแล้วในภายหลังว่าเป็นจนท.รัฐจริง ตัวท่านจะปล่อยไปหรือ

อย่าลืมว่าขณะนั้นท่านมิได้ปฏิบัติงานอยู่เพียงหน่วยงานเดียว แต่ยังมีจนท.ฝ่ายทหาร ที่รู้เห็นเหตุการณ์อีกด้วย

ซึ่งหากพบการกระทำที่ขัดต่อคำสั่งหน.คสช.ชัดเจนแล้วยังปล่อยไป หากมีจนท.หารไปรายงานผบช.ว่าท่านจงใจละเว้น แล้วใครจะสามารถรับผิดชอบแทนท่านได้

อีกทั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของพัทลุงพื้นที่เกิดเหตุ ก็ยังสั่งสำทับให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ อีกด้วย

 

ฝ่ายปกครองชี้แจงข้อเท็จจริง "จับตำรวจพกปืน"