กรมชลฯเตือนทั่วประเทศเจอฝนตกหนักช่วง11-17ก.ค.

กรมชลประทานเตือน ฝนตกหนักทั่วประเทศ11-17 ก.ค. ยืนยันไม่มีปัจจัยทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่

นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ  ว่าจากคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(สสทก.)พบว่าในช่วง7 วันข้างหน้า ตั้งแต่วันนี้ถึง 17 ก.ค. มีฝนตกกระจายในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ ฝั่งตะวันตก ภาคตะวัน โดยช่วงวันที่ 11-13 ก.ค. มีฝนตกเฉลี่ย 40-60 %   ของพื้นที่ และวันที่ 14-17ก.ค.เป็นฝนตกกระจายตัว  60-70 %  ของพื้นที่ โดยพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ  รมว.เกษตรฯ มีความห่วงใยประชาชนและเกษตรกร ให้เตรียมความพร้อมทุกพื้นที่  เพื่อจะได้ช่วยประชาชนได้ ทันที  ซึ่งฝนที่ตกกระจายเกือบทั่วทุกภาค และปริมาณฝนปีนี้มากกว่าฝนค่าเฉลี่ย 44% จะฝนตกมากว่าปี59 ถึง 52% ยืนยันว่าไม่เกิดผลกระทบพื้นที่มาก เนื่องจากพื้นที่ในเขื่อนยังรับน้ำได้อีกมาก 

สำหรับ สถานการณ์ปัจจุบันน้ำในเขื่อนหลัก ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง มีปริมาณน้ำรวม 56% ของความจุอ่าง ยังมีช่องว่างรองรับน้ำจากฝนอีกถึง44% ประกอบกับปัจจุบันสถานการณ์น้ำ มีน้ำมากว่าปีที่แล้ว กว่า 8 พันล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) ยืนยันว่ามีน้ำให้เกษตรกรใช้ตลอดฤดูเพาะปลูก  โดยในส่วน4 เขื่อนหลัก ลุ่มเจ้าพระยา มีน้ำมากกว่าปีที่แล้วกว่า 3 พันล้านลบ.ม.

นอกจากนี้กรมชลฯ  ได้เตรียมพื้นที่แก้มลิงรับน้ำหลาก ทุ่งบางระกำ พื้นที่ 2.65 แสนไร่  เหนือจ.นครสวรรค์   ซึ่งจะเกี่ยวข้าวในปลายเดือนนี้  จะสามารถรองรับน้ำหลากได้  400 ล้านลบ.ม. และแก้มลิงพื้นที่ตอนล่าง จ.นครสวรรค์  1.5 ล้านไร่  จะเก็บเกี่ยวข้าวช่วงปลายเดือนส.ค. สามารถใช้รับน้ำ 1.5 พันล้านลบ.ม. รวม สองพื้นที่ จะมีทุ่งแก้มลิงรับน้ำประมาณ 1.9 พันล้านลบ . โดยลุ่มภาคกลาง สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กรมชลฯจะบริหารจัดการน้ำท่า โดยใช้ประตูน้ำ เครื่องสูบน้ำ สถานีสูบน้ำต่างๆ ในขณะนี้พื้นที่ส่วนใหญ่กลับสู่สถานการณ์ปกติ ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำบางพื้นที่เท่านั้น ยังไม่เกิดผลกระทบพื้นที่เกษตร และในเขตเมืองมากนัก

ด้านผู้แทนกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่าแนวร่องฝนจะกลับลงมาพาดผ่านไทยช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. ทำให้มีฝนตกหนักอีกครั้ง รวมทั้งต้องรอดูร่องความกดอากาศสูง จากซีกโลกเหนือ  อาจเกิดแนวแฮมเบอร์เกอร์แบบประเทศจีนที่กำลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นอิทธิพลจากความกดอากาศสูง กับความกดอากาศต่ำ หากแนวดังกล่าวร่นลงจะทำให้ฝนตกมากขึ้นในไทยได้  ซึ่งฝนจะตกแช่ ทำให้มีปริมาณน้ำในพื้นที่นั้น  ซึ่งแนวร่องนี้ถ้าลงมาจริงอาจโดดไปถึงภาคใต้ ส่วนพายุเข้าไทย ปีนี้คาดว่ามี 1-2 ลูก ซึ่งปัจจัยต่างๆยังไม่ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี54

นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าเตรียมรับสถานการณ์น้ำเหนือ จากฝนตกเพิ่มขึ้นระหว่างวันที่ 11-17 ก.ค.โดยใช้แบบจำลองคาดการณ์ปริมาณน้ำผ่านจ. นครสวรรค์ คาดว่าจะสูงขึ้นมีปริมาณน้ำไหลในแม่น้ำเจ้าพระยา ในอัตรา 1.1-1.2 พันลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งยังไม่ล้นตลิ่ง แต่ได้ป้องกันไว้ก่อนโดยชี้เป้าพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ไปยับยั้งเตรียมการประตูระบายน้ำต่างๆ สถานีสูบน้ำ เพิ่มเครื่องสูบน้ำ ไว้ในพื้นที่มีปัญหาท่วม โดยลดการรับน้ำเข้าคลองชัยนาท -ป่าสัก เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับพื้นที่ปลูกข้าวในพื้นที่ลุ่มยังไม่เก็บเกี่ยวข้าว