"วัฒนา" รับบึ้มรพ.ทำคนเดียวเหตุไม่ชอบปฏิวัติ

ตำรวจคุม"วัฒนา" แถลงรับวางระเบิด รพ.พระมงกุฎ ทำคนเดียว ไม่มีกลุ่มการเมืองสนับสนุน ขอโทษมีคนเจ็บ เผยแรงจูงใจไม่ชอบทหารปฏิวัติ

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.60 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เจ้าหน้าที่ทหาร นำโดย พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้นำตัว นายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรไฟฟ้า ผู้ต้องหาก่อเหตุวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า และอีกหลายจุดใน กทม. เดินทางจากกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ เขตดุสิต มาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และหัวหน้าพนักงานสอบสวน เป็นผู้รับตัว

จากนั้น คุมตัวนายวัฒนา กลับมามาที่ห้องส่งมอบตัวผู้ต้องหา มีพล.ต.อ.จักรทิพย์และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ร่วมสอบปากคำเบื้องต้นกับพนักงานสอบสวน โดยขั้นตอนนี้ จะให้แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจมาตรวจร่างกาย พร้อมแสดงหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายวัฒนา

นายวัฒนา  ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลัง พล.ต.อ. จักรทิพย์แถลงการรับมอบตัวผู้ต้องหาจากทางเจ้าหน้าที่ทหาร ว่า เหตุการณ์ปี50และ60มีแรงบันดาลใจเหมือนกันทั้งหมด คือเป็นประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ ทำให้ประเทศชาติประสบหายนะทางเศรษฐกิจ ทุกครั้งที่ก่อเหตุพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบประชาชนธรรมดา พยายามทำเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลมากกว่า ไม่ต้องมุ่งหวังชีวิต ไม่ต้องการสร้างความปั่นป่วน ต้องการแค่ส่งเสียงไปยังรัฐบาล ว่าประชาชนรากหญ้ามิได้ต้องการรัฐบาล  ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้ใด ต้องขออภัยอย่างยิ่ง การกระทำที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บมากน้อย  พร้อมทั้งยืนยันว่าทำคนเดียว ไม่มีฝ่ายการเมือง หรือบุคคลใดชี้นำ  ส่วนจดหมายข่มขู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน พร้อมทั้งขอขยายความว่าระเบิดเป็นประทัดยักษ์

นายวัฒนา กล่าวด้วยว่า ตนเองเคยเข้าร่วมการชุมนุมทั้ง กปปส. และนปช. ส่วนที่พบนาฬิกาที่เป็นภาพอดีตนายกรัฐมนตรีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นความชื่นชอบส่วนบุคคล  โดยส่วนตัวแล้วมีความรักทหาร เพียงแต่ไม่ชอบทหารบางคนเท่านั้นที่ใช้ประชาชนเป็นฐานในการก้าวขึ้นสู่อำนาจในการเป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนงบที่ใช้ในการทำระเบิดแค่ครั้งละ 50 บาท

จากนั้น ตำรวจได้ควบคุมตัว นายวัฒนา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 3 จุด คือ 1.บ้านของนายวัฒนาย่านรามอินทรา 2.บริเวณด้านหน้าเมเจอร์รัชโยธิน และ 3.รพ.พระมงกุฎฯ จากนั้นจะควบคุมตัวเข้ากองบังคับการปราบปรามต่อไป