posttoday

ครูอ้อย ยื่นหลักฐานถูกข่มขู่กรรโชกทรัพย์กว่า 11 ล้าน ต่อดีเอสไอ

19 มิถุนายน 2560

ครูอ้อย ฐิตินาถ ยื่นหลักฐานถูกบุคคลข่มขู่กรรโชกทรัพย์กว่า 11 ล้านบาท ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ครูอ้อย ฐิตินาถ ยื่นหลักฐานถูกข่มขู่กรรโชกทรัพย์กว่า 11 ล้านบาท ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) น.ส.ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต เดินทางเข้ามอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม กรณีถูกข่มขู่เพื่อกรรโชกทรัพย์เป็นเงิน 11 ล้านบาท ต่อพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ โดยเป็นหลักฐานคือ 1.คลิปบันทึกเสียงที่ผู้ที่ขอกันตัวเป็นพยานได้บันทึกไว้ ขณะที่ขบวนการดังกล่าวมีการปรึกษาหารือกัน 2.คลิปบันทึกเสียงของผู้ที่เคยถูกดึงให้เข้าร่วมขบวนการ แต่ภายหลังเห็นว่า เรื่องนี้เป็นอาชญากรรม จึงถอนตัวออกมา และ 3.เบาะแสในขบวนการข่มขู่ ที่เกี่ยวพันถึงอดีตศิษย์เก่าของฐิตินาถ โดยมีพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษก ดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยาการศก่อนที่น.ส.ฐิตินาถจะเข้ายื่นเอกสารหลักฐานให้กับอธิบดีดีเอสไอนั้น ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด พงศ์สุชาติ ซึ่งเป็นนักแสดง พิธีกร และดีเจ พร้อมด้วยกลุ่มลูกศิษย์จำนวนหนึ่งที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรเข็มทิศชีวิตของน.ส.ฐิตินาถมารอมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจน.ส.ฐิตินาถในวันนี้ด้วย

น.ส.ฐิตินาถ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีจดหมายในรูปแบบเว็บไซด์ส่งมาถึงตน เพื่อขอให้มอบเงินให้ 11 ล้านบาท และให้ตอบตกลงภายใน 36 ชั่วโมง ก่อนจะติดต่อกลับมาบอกสถานที่มอบเงินภายในวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นจะทำการใส่ร้ายตนในทุกด้านของชีวิตอย่างรุนแรง เพื่อไม่ให้ตนสามารถทำงานหรืออะไรได้เลย ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นมืออาชีพด้านไอที และบอกให้ตนตกลงกับเขา อย่างไรก็ตาม ตนไม่ใช่คนเก่งคอมพิวเตอร์และไม่ทราบว่าเขาจะให้เราทำอะไร หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนจึงเดินทางมาร้องทุกข์ต่อดีเอสไอและนำหลักฐานบางส่วนมามอบให้แล้ว

น.ส.ฐิติมา กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 17-18 มิ.ย.ที่ผ่านมา บุคคลที่ถูกขบวนการดังกล่าวชักชวนไปร่วมขบวนการ ก็ได้นำหลักฐานเป็นคลิปบันทึกเสียงบางอย่างขณะที่มีการพูดคุยกันไว้ ตนจึงนำมามอบให้ดีเอสไอในวันนี้ เบื้องต้นทราบจากบุคคลที่ขอกันตัวไว้เป็นพยานว่าเป็นขบวนที่ใหญ่ มีความซับซ้อนมาก และมีความมั่นใจว่าเขาจะชนะ สามารถทำให้ตนหายไปจากประเทศไทยได้ เพราะมีการวางแผนเตรียมงานไว้นานแล้ว ทั้งนี้ เมื่อตนได้ศึกษาเกี่ยวกับขบวนการลักษณะดังกล่าว ก็คาดว่าน่าจะมีคนในประเทศถูกเรียกเงินแล้วหลายราย แต่ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาบอกว่าจะไม่ให้เงินตามที่มีการขอ เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจะต้องมากกว่ามูลค่าเงินนั้นอยู่แล้ว

"มีคนอยู่ในนั้นหลากลุ่มหลายฝ่าย อยากขอเรียนถึงคนในนั้น เรื่องนี้มันเป็นคดี เป็นอาชญากรรม พอเขาจับไปถึงตัวคุณ คุณก็จะไม่ได้เจอหน้าสามี ลูก พ่อ แม่ ภรรยา และคนรักคุณอีก ถ้ามันเป็นคดีที่เขาจับไปถึง เพราะคดีอาญามันคือติดคุก ครูอ้อยเคยบอกแล้วว่า ครูอ้อยเป็นครู เมื่อนอกเวลาการสอน อาจจะไม่ต้องตักเตือน หรือคิดช่วยเหลือใครก็ได้ แต่เมื่อมีคนมาปรึกษาครูอ้อยก็ช่วยตอบให้ทุกคน แต่บางครั้งครูอ้อยอาจจะตอบไม่ตรงใจ อาจจะสอนไม่ดี หรือพูดตรงไป หรือแม้กระทั่งบางคนที่โกรธ เพราะครูอ้อยยกคำของพระพุทธเจ้ามาเปรียบเทียบให้ฟัง และเกิดความหงุดหงิดใจ ไม่ชอบใจ และแค้นครูอ้อย ซึ่งคนที่เขาออกมาเป็นพยาน ยังบอกว่าเรื่องแค่นี้เองหรือถึงจะเอาให้ถึงตายในขณะนั้น" ครูอ้อย กล่าว

น.ส.ฐิตินาถ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนทำเรื่องดีๆทุกอย่าง ในเวลาส่วนตัวก็ทำให้กับคนทั่วทั้งประเทศไทยมากกว่าจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวตัวเอง หากคุณจะโกรธเคืองลองนึกดีๆว่าทุกอย่างที่ตนตักเตือน ตนไม่ได้อะไรจากการตักเตือนเลย แต่ถ้าตนเตือนแล้วไม่ชอบ ซึ่งตนก็ตำหนิตัวเองตลอดว่าไม่ควรเตือนเขา หรือพูดกับเขาแบบนั้น ทำให้เขาไม่ชอบ ซึ่งหัวออกคนเป็นครู ถ้าวันนี้สิ่งที่เขาขุ่นข้องหมองใจและคิดว่าจะทำร้ายให้ตนพินาศย่อยยับไป ตนก็ขออโหสิกรรมให้ แต่เรื่องของกระบวนกฎหมายมันก็ดำเนินไป ทั้งนี้ สำหรับเบาะแสที่ปรากฎขึ้นในจดหมาขู่ดังกล่าว เป็นเบาะแสที่มีความเชื่อมโยงมาที่ลูกศิษย์ที่ตนรัก

ผู้สื่อข่าวถามว่า  ทราบแล้วใช่หรือไม่ว่ากลุ่มคนที่ไม่พอใจเป็นใคร น.ส.ฐิตินาถ กล่าวว่า ใช่ แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ โดยกระบวนการด้านกฎหมายจะต้องทำงานอย่างรัดกลุ่ม ซึ่งเราจะไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนขอบอกว่ากลุ่มดังกล่าว มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่พอใจเนื่องจากตนตักเตือน และอีกกลุ่มคือมีความเจ็บช้ำน้ำใจในเรื่องอื่นๆ

ถามต่อว่า น.ส.ฐิติมากลัวว่าขบวนการดังกล่าวจะนำหลักฐานหรือความลับส่วนอะไรมาเปิดเผยหรือไม่ น.ส.ฐิตินาถ กล่าวว่า สำหรับในใจของตน ข้อมูลที่ขบวนการนี้ทำมาเป็นความเท็จที่รุนแรงมาก ซึ่งวันที่ตนอ่านจดหมายดังกล่าว ตนก็หมดแรงไปนิดนึง แต่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาต้องการคือไม่ต้องการให้ตนชวนคนไปทำบูญหรือภาวนาอีก เพราะเขาต้องการที่จะทำเอง และขอให้ตนหยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ตนทำ ซึ่งรายละเอียดในเนื้อหาเป็นระดับการทำลายร้างที่ทำให้ชอกช้ำน้ำใจมาก ซึ่งข้อมูลที่เขาอ้างว่าจะมีการเปิดเผยนั้น ก็มีการทยอยปล่อยมาบ้างแล้ว

"ครูอ้อยพิจารณาตามพระพุทธเจ้าสอน คือ 1.ถ้าเขาจะทำร้ายเราไม่ให้คนในโลกนี้รักเรา เราจะอยู่ได้หรือไม่ ซึ่งตนก็ตอบว่าได้ 2.เขาทำร้ายเราไม่ให้เราหากินได้อีกเลย ตนก็ขอตอบว่าอยู่ได้  3.ถ้าเขาปลุกปั่นกระแสให้คนฆ่าเราทำร้ายเรา เดินไปไหนก็มีคนทำร้าย ซึ่งตนพิจารณาทั้ง 3 ข้อนี้แล้ว คืออยู่ได้ ทั้งนี้ ครูจะไม่หยุดการอบรมเพราะพวกคนที่ขู่หรอก แต่จะหยุดเพราะครูเหนื่อยและเบื่อเอง"ครูอ้อยกล่าว

ถามด้วยว่า กรณีที่บุคคลออกมาระบุว่าน.ส.ฐิตินาถขโมยชื่อเข็มทิศชีวิตปใช้ น.ส.ฐิติมา กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยิน และมีความมั่นใจว่าเข็มทิศชีวิตนั้น ตนจดทะเบียนลิขสิทธิ์เป็นของตนแล้ว และคิดชื่อนี้มาเอง ทั้งนี้ ตนเสียใจมากที่เป็นลูกศิษย์ของตนเองและเป็นคนที่เคยมาเรียนธรรมดากับตน แต่คนที่มาเรียนตนก็จะดูแลเหมือนลูกของตนทุกคน ส่วนจะมีกี่คนนั้นตนไม่ทราบ

ถามต่อว่า เกี่ยวกับข้องกับกลุ่มดาราหรือคนดังหรือไม่ น.ส.ฐิตินาถ กล่าวว่า ในเอกสารที่ข่มขู่มีหน้าจอไลน์ของคนดังคนหนึ่ง ซึ่งตนได้นำมามอบให้ดีเอสไอแล้ว ซึ่งเป็นหน้าจอที่แคปเจอร์จากหน้าจอที่มีสีเขียวและเป็นของลูกศิษย์ครูเอง ซึ่งหน้าจอไลน์ที่อยู่ในจดหมายขู่เป็นหน้าจอไลน์ที่เป็นของคนดังและชื่อเสียง ซึ่งเป็นคนที่ในสังคมนี้รู้จัก และเป็นลูกศิษย์ของตนเอง ซึ่งในไลน์ที่เขาส่งเป็นไลน์ที่ตนได้ตักเตือนเขาว่าคนเรานั้นให้ทำอะไรที่ดี ที่ไม่ดีไม่ต้องทำ ซึ่งเขาอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้ แต่หน้าจอไลน์เขาไปอยู่ในเอกสารนี้ได้อย่างไร

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า  สำหรับกรณีดังกล่าวนั้น เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ฐิตินาถได้เดินทางมายื่นเรื่องร้องทุกข์กับทางดีเอสไอไว้แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายอยู่ เพราะการที่ดีเอสไอจะรับเรื่องอะไรไว้ดำเนินการได้จะต้องดูกฎหมาย ส่วนในวันนี้ก็จะเป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่น.ส.ฐิตินาถนำมามอบให้ หลังจากนี้ก็จะนำเอกสารหลักฐานดังกล่าวไปรวมกับของเดิมที่น.ส.ฐิตินาถมามอบให้ก่อนหน้านี้เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยคาดกลางสัปดาห์นี้ก็จะสามารถเสนอให้อธิบดีดีเอสไอดสั่งการต่อไปได้ ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ตนได้รับทราบจากที่ปรากฏเป็นข่าว แต่ยังไม่เห็นมีว่าปรากฎเป็นใคร