posttoday

กรมศุลตื่น!เพิ่งรู้ราคารถหรูหลังดีเอสไอส่งข้อมูลให้

26 พฤษภาคม 2560

"ดีเอสไอ" จับมือ "กรมศุลกากร" ไล่เช็คบิล "รถหรูเลี่ยงภาษี-สำแดงราคาต่ำ" ย้อนหลัง 5 ปี เผย อังกฤษแจ้งมีรถหรูถูกโจรกรรมในประเทศ 42 คัน

"ดีเอสไอ" จับมือ "กรมศุลกากร" ไล่เช็คบิล "รถหรูเลี่ยงภาษี-สำแดงราคาต่ำ" ย้อนหลัง 5 ปี เผย อังกฤษแจ้งมีรถหรูถูกโจรกรรมในประเทศ 42 คัน

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และนายชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ร่วมกันแถลงความร่วมมือระหว่างดีเอสไอและกรมศุลกากร กรณีการปราบปรามการนำเข้ารถยนต์ที่ลักลอบและหลีกเลี่ยงการชำระภาษีศุลกากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ และสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า สืบเนื่องจากดีเอสไอได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน กรณีการนำรถยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากร และสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง พบว่าบริษัทผู้นำเข้ารถยนต์ได้ระบุราคาสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าที่ผู้นำเข้าต้องแสดงต่อกรมศุลกากรเพื่อเสียภาษีอากร โดยมีการสำแดงราคาต่ำกว่าราคาเป็นจริง ซึ่งราคาโดยเฉลี่ยที่ผู้นำเข้าสำแดง คือไม่เกินร้อยละ 40 ของราคารถยนต์ที่บริษัทผู้ผลิตในประเทศต้นกำเนิดรถยนต์จำหน่าย ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 120/2560 ได้ขอหมายค้นต่อศาลอาญาเพื่อตรวจค้นสถานที่เป้าหมายต้องสงสัย 9 แห่ง สามารถอายัดรถได้ 122 คัน ก่อนจะทำการตรวจค้นอีก 6 แห่ง ในวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา และอายัดรถยนต์ได้อีก 38 คัน รวม 160 คัน พร้อมตรวจยึดเอกสารสำคัญในการนำเข้ารถยนต์หลายยี่ห้อ เช่น ลัมโบกินี, โรลลอยด์, แมคคาเรน และโลตัส มูลค่าความเสียหายกว่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสาร ก่อนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับบริษัทผู้นำเข้าต่อไป

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า หน่วยต่อต้านการโจรกรรมรถยนต์ สหราชอาณาจักร หรือ National Vehicle Crime Intelligence Service (NaVCIS) ได้ประสานความร่วมมือกับดีเอสไอ พบว่ารถยนต์จำนวนหนึ่งที่ดีเอสไออายัดไว้ เป็นรถยนต์ที่มีการแจ้งหายไว้ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งหน่วยต่อต้านฯได้ส่งข้อมูลรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศ 42 คัน จากการสืบสวนเบื้องต้นพบรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมดังกล่าว 10 คัน อยู่ในการอายัดของดีเอสไอแล้ว 7 คัน ส่วนอีก 2 คัน มีผู้ครอบครองแล้ว และอีก 1 คัน อยู่ในเขตปลอดภาษีอากร ของกรมศุลกากร อย่างไรก็ตาม หน่วยต่อต้านฯต้องการให้มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยเร็ว และได้ประสานมายังดีเอสไอ จึงต้องทำการสอบสวนขยายผลถึงพฤติการณ์เพื่อจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวถึงพฤติการณ์ของขบวนการขโมยรถยนต์ข้ามชาติ ว่า เบื้องต้นทราบว่ามีการนำเงินไปซื้อรถยนต์ และนำไปเข้าไฟแนนซ์เพียงครั้งเดียว จากนั้น ก็ไปแจ้งหาย ก่อนจะนำรถยนต์มาลงเรือเพื่อส่งมาที่ประเทศไทย ซึ่งทางประเทศอังกฤษบอกว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของประเทศเขา ซึ่งหน่วยต่อต้านจะเอารายละเอียดและกระบวนการกระทำผิดทั้งหมดส่งมาให้ดีเอสไอต่อไป ซึ่งเราไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องในสำนวนคดี อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้บอกว่าบริษัทที่นำเข้ารถยนต์เหล่านี้ผิดทุกบริษัท เพราะยังมีหลายบริษัทที่ประกอบการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ ประชาชนที่จะซื้อรถยนต์ประเภทนี้ ก็ขอให้ตรวจสอบอย่างละเอียดและใช้ความระมัดระวังในการซื้อด้วย

ด้าน นายกุลิศ กล่าวว่า หลังจากนี้กรมศุลกากรจะทำงานร่วมกับดีเอสไอ ในการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้ารถยนต์หรูแบบเรียลไทม์ เนื่องจากก่อนหน้านี้เราทำงานกันคนละฐานข้อมูล ที่ผ่านมากรมศุลการกรก็ดำเนินการตามวิธีการของศุลกากร คือเมื่อมีการสำแดงราคาตามใบขนสินค้าครบ ยื่นเอกสารครบ ทางเราก็จะทำการปล่อยรถยนต์ออกไป ส่วนกรณีที่เกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้นนั้น เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับราคาจริงของสินค้าจากประเทศต้นทาง แต่กรมศุลกากรก็ไม่ทราบว่าผู้ซื้อกับผู้ขายได้มีการตกลงราคากันอย่างไร เพราะมันเป็นข้อตกลงทางการค้า ดังนั้น เมื่อดีเอสไอได้ราคาที่แท้จริงกรมศุลกากรก็จะประสานทางดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบย้อนหลังกลับไป 5 ปี ว่ามีการเสนอราคาตามที่มีการตรวจสอบหรือไม่ ส่วนกรณีของรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมในอังกฤษ เราก็ทำงานร่วมกับดีเอไอทันที เพื่อห้ามการเคลื่อนย้าย และตรวจสอบว่ารถยนต์อยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้กรมศุลกากรไม่ทราบราคาที่แท้จริงของรถยนต์หรูใช่หรือไม่ ที่มีการระบุในใบขนสินค้า นายชัยยุทธ กล่าวว่า หลักการตรวจสอบรถยนต์ของเราเป็นไปตามสากล โดยปกติเราจะเชื่อราคาของผู้ประกอบการตามที่มีการสำแดงในใบขนสินค้า เว้นแต่ว่ามีเหตุที่สงสัยหรือมีราคาที่ชัดเจน และพิสูจน์ได้ว่าเขาสำแดงราคาต่ำ เราจึงจะไม่ทำการปล่อยรถยนต์ออกไป แต่ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้สำแดงราคา และมีหลักฐานให้กับผู้ที่อยู่ต่างประเทศ รวมทั้งในกรณีที่ผู้นำเข้ายื่นใบขนสินค้าก็ได้ทำตามขั้นตอนครบถ้วน กรมศุลกากรจึงไม่มีเหตุในขณะที่นำเข้าว่าผู้ประกอบการได้ยื่นใบสำแดงในราคาต่ำ แต่เมื่อดีเอสไอได้หลักฐานเพิ่มเติมมาว่ามีผู้ประกอบการบางรายยื่นชำระค่าภาษีต่ำโดยมีหลักฐานที่ชัดเจน เราก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ถามต่อว่า ส่วนค่าเงินที่มีการสำแดงสกุลเงินในใบขนสินค้า เจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบหรือไม่ว่าผู้ซื้อสำแดงราคาตรงตามประเทศต้นทางหรือไม่ นายชัยยุทธ กล่าวว่า ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับการซื้อขายของผู้ประกอบการว่าได้มีการตกลงการซื้อขายกันในสกุลเงินอะไร เช่น ถ้าซื้อขายในสกุลเงินของประเทศสหรัฐฯ ก็ต้องใช้สกุลเงินของประเทศสหรัฐฯ ส่วนกรณีหากมีการปลอมใบขนสินค้าที่อาจทำให้ราคาเกิดความแตกต่างจากราคาจริงนั้น ขั้นตอนการตรวจสอบขณะนำเข้าไม่สามารถทำได้ เพราะราคาซื้อขายจริงมีแค่ 2 คน คือผู้ซื้อกับผู้ขายเท่านั้นที่ทราบ เราจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นราคาที่ถูกต้องหรือไม่

ถามอีกว่า แสดงว่าที่ผ่านมา รถยนต์ที่มีราคาสูงจะใช้ราคาในระดับที่ดีเอสไอตรวจสอบว่ามีการสำแดงต่ำทั้งหมดใช่หรือไม่ นายชัยยุทธ กล่าวว่า ใช่ ถูกต้อง เราไม่เคยรู้ราคาที่แท้จริงมาก่อน กระทั่ง ดีเอสไอได้ราคาที่แท้จริงมา จึงทำให้เราทราบ ทั้งนี้ หลังจาก 3-4 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีการนำเข้ารถยนต์หรูลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม เราตรวจสอบราคารถยนต์ประเภทนี้ภายใต้การประเมินราคาของศุลกากร ขององค์กรการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งใช้หลักการของราคาสินค้าจริงโดยไม่มีราคากลาง นอกจากนี้ หลังจากที่เราได้รับข้อมูลจากดีเอสไอแล้ว ที่เป็นรถยนต์ที่มีการสำแดงราคาต่ำ เราจะเร่งตรวจสอบรถที่นำเข้ามาภายมาภายใต้หลักฐานที่ได้จากดีเอสไอ ว่าผู้ใดเป็นผู้นำเข้าและก็ต้องดำเนินการทางคดีต่อไป

นอกจากนี้ อธิบดีดีเอสไอ ยังกล่าวถึงกรณีมีคณะบุคคลหรือบุคคลได้แอบอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษไปเรียกรับผลประโยชน์เป็นตัวเงินจากบริษัทหรือตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์ที่อาจเกี่ยวข้องกับการถูกตรวจสอบ ว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือหรือเจรจาต่อรองไม่ให้ถูกดำเนินคดีได้ และจากการตรวจสอบของเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม ตามคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 และดีเอสไอพบว่ามีบริษัทที่หลงเชื่อและโอนเงินให้กับบุคคลดังกล่าวเป็นเงิน 50,000 บาท จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าผู้ที่แอบอ้างเป็นพนักงานสอบสวนดีเอสไอคือ นายอรรคพล ทรัพย์พูลปฐม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวส่งสน.หัวหมาก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อรถยนต์ที่ประเทศอังกฤษแจ้งมายังดีเอสไอ ประกอบด้วย รถยนต์ ยี่ห้อ ออดี้ รุ่น คิวเซเว่น เอส ไลน์, บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม 4, ฮอนด้า ซีวิค จีที, ลัมโบกีนี่ ฮูราแคนสไปเดอร์, เมอเซเดสเบนซ์ จีแอลอี 350, ปอร์เช่ บ๊อกซ์เตอร์ 718 ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าอยู่ที่ใด นอกจากนี้ ยังมีบีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม 4 จำนวน 2 คัน และปอร์เช่ คาร์เยน 1 คัน ซึ่งทราบชื่อผู้ครอบครองแล้ว ส่วนอีก 1 คัน เป็นรถยนต์ ปอร์เช่ 18 อยู่ในเขตปลอดภาษีอากรของกรศุลกากร

ทั้งนี้ ยังมีบัญชีรายชื่อรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมอีก 42 คัน ที่หน่วยต่อต้านอาชญากรรมรถยนต์ของประเทศอังกฤษส่งมาให้ดีเอสไอ ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อออร์ดี้ 2 คัน, บีเอ็มดับเบิลยู 7 คัน, เฟอรารี่ 1 คัน, เฟียส 1 คัน, ฟอร์ด 1 คัน, ฮอนด้า 3 คัน, ลัมโบกีนี่ 1 คัน, แลนโรเวอร์ 1 คัน, เล็กซัส 1 คัน, เมอเซเดสเบนซ์ 8 คัน, มินิคูเปอร์ 1 คัน, นิสสัน 3 คัน, ปอร์เช่ 6 คัน, เรนซ์โรเวอร์ 2 คัน, โรสลอยด์ 2 คัน และโวคสวาเกน 2 คัน