posttoday

เเม่เหยื่อพลุระเบิด จ.กระบี่ ร้องถูกออแกไนซ์บีบย้ายรพ.

25 พฤษภาคม 2560

เเม่เด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุพลุระเบิดระหว่างแสดงบนเวที ภายในงาน“ตำนานกระบี่ เมืองแห่ง 12 นักษัตร

เเม่เด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุพลุระเบิดระหว่างแสดงบนเวที ภายในงาน“ตำนานกระบี่ เมืองแห่ง 12 นักษัตร

จากเหตุการณ์พลุระเบิดระหว่างแสดงบนเวที ภายในงาน“ตำนานกระบี่ เมืองแห่ง 12 นักษัตร” ที่บริเวณลานพระอาทิตย์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 24 ราย ในคืนวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พ.ค. นางสำลี กะสิรักษ์ คุณเเม่เด็กนักเรียนหญิงเหยื่อพลุระเบิดดังกล่าว ร้องเรียนว่า หลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ ได้ 3 คืน ล่าสุดได้ย้ายบุตรสาวไปรักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ เนื่องจากทางออร์แกไนซ์ที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต้องรับภาระเป็นเงินจำนวนมาก

“ที่โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์เป็นโรงพยาบาลเอกชน เราอยู่ได้ 3 คืนเขาก็ให้ออก วันนั้นเขาบอกให้ย้ายออกก่อน 4 ทุ่ม เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว ส่วนทางออร์แกไนซ์ เขาก็ยังรับปากว่าจะดูแลค่ารักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ โดยได้มาติดต่อช่วยจ่ายค่าห้องคืนละ 1,000 กว่าบาท แต่ก็ยังมีบางรายที่ต้องทำการรักษาอยู่ห้องรวม ซึ่งนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ทั้งหมด 8 คน มี 3 คนได้นอนห้องพิเศษเพราะอาการหนักกว่า”

นางสำลี ยังกล่าวอีกว่า หลังจากมาพักรักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ได้ 2 คืนแล้ว ขณะนี้ต้องการให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุพลุระเบิดเข้ามาช่วยเหลือเรื่องค่ายา ค่ารักษา เนื่องจากการตอนนี้บุตรสาวใช้สิทธิ 30 บาทในการรักษา

“ใจเราอยากให้ลูกได้รับการรักษาที่ดีที่สุด เพราะอาการของน้องรักษายากมาก ที่แผลยังมีดินประสิว ซึ่งก่อนจะย้ายมาเขาก็บอกว่าทางโรงพยาบาลกระบี่หมอดี เครื่องมือครบ แต่หมอไม่ได้ทำเอง ปรากฏว่าตอนนี้เหมือนเราไปมีปัญหากับทางโรงพยาบาลที่เราไปว่าเขาไม่ดี อยากกลับไปรักษาที่เดิมได้หรือเปล่า มีวิธีไหนบ้างไหม เพราะที่นั่นคุณหมอมาทำแผลให้น้องเองน้องเจ็บก็เจ็บแป๊บเดียว ถ้าทำแผลนานๆน้องเจ็บ ไม่ใช่ว่าเรารักสบาย คนละอย่างกัน ตอนนี้กลัวแผลจะติดเชื้อเมื่อวานล้างแผลดินประสิวยังติดอยู่ในข้อเท้าน้องอยู่เลย แล้วแผลที่กลางฝ่าเท้าใกล้เส้นประสาท น้องกลัวและเจ็บมาก ตอนนี้ถ้ามีที่ไหนก็อยากให้น้องไปรักษาที่ดี นี่คือความต้องการของเราซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะเอาไปต่อรอง” นางสำลี กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามแพทย์นางสำลี กล่าวว่าบุตรสาวจะต้องรับการรักษานานประมาณ 2-3 เดือน แต่เมื่อพ้นขีดอันตรายแล้วช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อไป ก็อยากย้ายไปอยู่ที่เดิม

“เราก็ไม่ได้มีเงินแต่อยากให้ลูกได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ยอมที่จะจ่ายเองเลยก็ได้ จะย้ายไปที่โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ หรือจะอยู่ที่โรงพยาบาลกระบี่ก็ได้ ซึ่งรอที่จะปรึกษาหมออีกครั้งหนึ่ง” นางสำลีกล่าว

ด้านนางกันตยา โพเก้าล้วน มารดาของ นางสาวเจนจิรา มัททะปะนัง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเมืองกระบี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์พลุระเบิด เปิดเผยว่า แรกเริ่มที่เกิดเหตุทางบริษัทออร์แกไนซ์ก็ออกมารับผิดชอบดีมาก ออกมาพูดต่อหน้าตำรวจว่าจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทุกอย่างจนถึงขั้นศัลยกรรมเลยก็ได้

“อยู่ๆเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบ เขาก็มาบอกเราว่าขอให้ย้ายโรงพยาบาลจากกระบี่นครินทร์มายังโรงพยาบาลกระบี่ด่วน ซึ่งพอเรามาอยู่ที่โรงพยาบาลกระบี่เราก็กลัวติดเชื้อ อย่างน้องเจน (นุชรีพร) แผลอาจจะเล็กแต่ว่าลึกมากถ้าติดเชื้อก็อาจต้องตัดเท้าทิ้ง แต่ทางออแกไนซ์ก็บีบให้ต้องมา พอมาก็ไม่โผล่หน้ามาเลยว่าจะอย่างไรต่อไป” นางกันตยา กล่าว

ในขณะที่ทางโรงพยาบาลกระบี่เองก็ยังไม่บอกอะไร อีกทั้งทางบริษัทออร์แกไนซ์ก็เหมือนยังไม่ได้ทิ้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งรักษาอยู่ที่กระบี่นครินทร์

“จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อไม่เห็นหน้าทางออร์แกไนซ์เลย ไม่เหมือนวันที่มีนักข่าวมา ความช่วยเหลือตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไร เพียงแต่ว่าไม่ต้องถึงกับคนทั้งประเทศหรอก อยากให้แค่คนบ้านเราที่กระบี่ได้รับรู้ว่าเด็กนักเรียนยังอยู่โรงพยาบาล ยังได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะคนกระบี่เองก็มีที่ไม่ทราบ ไม่อยากให้เรื่องเงียบ บางคนก็คิดว่าจบแล้ว ยังไม่จบ เขาไม่เห็นเวลาที่น้องทำแผล เรียกได้ว่าร้องกันทั้งโคตร ไม่เฉพาะเด็กเท่านั้นพ่อแม่เอง ญาติพี่น้องเห็นแล้วก็ร้องไห้ ตอนนี้ค่ารักษายังต้องใช้บัตร 30 บาท โดยค่าห้องต่อคืนตกวัน 1,900 บาทและยังบอกไม่ได้ว่าน้องต้องอยู่อีกกี่วัน แต่ที่แม่เห็นแผลแล้วคิดว่าคงเป็นเดือน เพราะ 4-5 วันที่ผ่านมานี้น้องยังห้อยเท้าไม่ได้เลย เท้าจะบวม ส่วนชีวิตเราก็ต้องหยุดไปหมด ไม่มีรายได้ นี่ลูกก็ร้องไห้เวลาเห็นเพื่อนไปโรงเรียน” นางกันตยา กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ธนก บังผล