posttoday

ดีเอสไออายัดรถหรูเลี่ยงภาษี122 คันทำรัฐเสียหาย2,400ล้าน

19 พฤษภาคม 2560

ดีเอสไออายัดรถหรูเลี่ยงภาษีบริษัทนิช คาร์ กรุ๊ป 122 คัน รัฐเสียหายกว่า 2,400 ล้านบาท เตรียมเรียกสอบย้อนหลังทุกกลุ่มนำเข้าชี้มีกว่า 10,000 คัน

ดีเอสไออายัดรถหรูเลี่ยงภาษีบริษัทนิช คาร์ กรุ๊ป 122 คัน รัฐเสียหายกว่า 2,400 ล้านบาท  เตรียมเรียกสอบย้อนหลังทุกกลุ่มนำเข้าชี้มีกว่า 10,000 คัน

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.อ ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมืองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ แถลงภาพรวมผลปฎิบัติการจู่โจมตรวจค้นขบวนการนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษี

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า จากการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 9 แห่งสามารถอายัดรถยนต์ได้จำนวน 122 คัน นำเข้าโดยบริษัท นิช คาร์ กรุ๊ปมูลค่าความเสียหายจากขบวนการดังกล่าวทำให้รัฐเสียหายจากการเก็บภาษีไม่ครบถ้วน2,400 ล้านบาท เฉลี่ยรถแต่ละคันจะชำระภาษีขาด 10 – 18 ล้านบาทต่อคันและบริษัทผู้นำเข้าจะสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง 40 เปอร์เซ็นต์ของราคาจริง ซึ่งดีเอสไอได้ยึดอายัดไว้ทั้งหมดแล้วและหลังจากนี้จะมอบหมายให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบย้อนหลังขบวนการนำเข้ารถทุกกลุ่ม
เพื่อเรียกเก็บภาษีคืนรัฐให้ครบถ้วน

พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่าขบวนการนำเข้ารถจดประกอบและกลุ่มเกรย์มาร์เก็ตมีแผนประทุษกรรมคล้ายกันเพียงแต่มีช่องทางการนำเข้าต่างกันระหว่างผ่านด่านศุลกากรกับช่องทางอื่นซึ่งดีเอสไอจะต้องสอบสวนให้ได้ข้อมูลชัดเจนว่าราคารถยนต์ที่แท้จริงก่อนส่งลงเรือมายังประเทศไทยซื้อขายกันในราคาเท่าใดรวมถึงราคาที่นำมาสำแดงในช่องทางการนำเข้า เพื่อตัดวงจรการสำแดงภาษีเท็จหากเป็นการนำเข้ารถยนต์ของบริษัทนำเข้าที่มีตัวตนอยู่จริงบริษัทเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องร่วมกันชำระภาษีให้ครบถ้วนแต่ถ้าเป็นการนำเข้าโดยนักศึกษาที่ไปเรียนในต่างประเทศหรือบริษัทนอมินีเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องรับผิดในทางเพ่งอย่างไรก็ตามที่ผ่านมาขบวนการนำเข้ารถจดประกอบทำให้รัฐเสียหายจากการจัดเก็บภาษีปีละกว่า 10,000ล้านบาท

ด้านพ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่าสำหรับแผนประทุษกรรมในการนำเข้ารถยนต์หลบเลี่ยงภาษี คือ การสำแดงเท็จเช่น รถยี่ห้อลัมโบกีนีที่ยึดจากบริษัทนิชคาร์ กรุ๊ป 1 คันนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 2553  ราคาจากประเทศอิตาลีอยู่ที่286,000 ยูโร เมื่อมาถึงไทยจะมีขบวนการจัดทำเอกสารสำแดงราคา 105,000เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3.4 ล้านบาท ต้องเสียภาษี 328 เปอร์เซ็นต์ หรือ 11ล้านบาท  ซึ่งหากคำนวณภาษีตามราคาจริง รถคันนี้จะมีราคาตั้งต้นอยู่ที่ 12ล้านบาท ไม่ใช่ 3.4 ล้านบาท แต่จะต้องเสียภาษีในราคา 41 ล้านบาทเท่ากับชำระภาษีขาดไปจำนวน 30 ล้านบาท /คันดังนั้นดีเอสไอจึงต้องอายัดรถที่นำเข้าโดยบริษัทนิชคาร์ฯเพราะหากปล่อยให้มีการซื้อขายผู้ซื้อหรือผู้ครอบครองมือสุดท้ายจะมีภาระต้องชำระภาษีให้ครบถ้วนเต็มจำนวน

นอกจากนี้ดีเอสไอจะสอบสวนดำเนินคดีย้อนหลังกับผู้นำเข้าผิดกฎหมายภายในอายุความคดีอาญาอย่างไรก็ตามอาจมีปัญหาด้านการจัดเก็บข้อมูลและเอกสารของในบางประเทศที่เก็บข้อมูลย้อนหลังเพียง5 ปีเท่านั้น และหากสอบกย้อนหลังกลับไปทั้งหมดจะพบว่ามีการนำรถดังกล่าวเข้ามาเป็น10,000 คันแล้ว

ด้านนายนพดล รัตนเสถียร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษเปิดเผยถึงการสอบสวนคดีการนำเข้ารถจดประกอบจำนวน 7,123 คันว่าดีเอสไอได้แบ่งแยกการตรวจสอบออกเป็น 2 กลุ่มโดย เป็นรถราคาเกิน 4 ล้านบาทและรถราคาไม่ถึง 4 ล้านบาท พบว่าเข้าข่ายความผิด 3,773 คันโดยเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 27 และ 27 ทวิ พ.ร.บ.ศุลกากรจำนวน 1,038คัน รับเป็นคดีพิเศษแล้ว 25 คันซึ่งผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยนิติบุคคล 3 บริษัทบุคคลธรรมดาได้แก่นักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่ศุลกากรอดีตเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก กลุ่มผู้นำเข้ารถจดประกอบ เจ้าของบริษัทพนักงานบริษัท และผู้ที่ยื่นขอจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกซึ่งขณะนี้ดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว

นายนพดล กล่าวอีกว่า สำหรับส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการสอบสวนจำนวนดังกล่าวเป็นรถที่มีมูลค่าเกิน 4 ล้านบาท 98 คันและรถที่มีราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท 940 คันโดยก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกขอให้ผู้ครอบครองรถ 73 คันนำรถส่งมอบให้ดีเอสไอ แต่ผู้ครอบครองยังหลีกเลี่ยงจึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้สนใจจะซื้อรถยนต์หรูว่าให้ระมัดระวังเพราะอาจเป็นการซื้อรถผิดกฎหมายและขอแจ้งไปยังผู้ครอบครองรถผิดกฎหมายให้รีบส่งมอบรถของกลางให้กับพนักงานสอบสวนโดยเร็วอาทิ รถเฟอรารี่ สีแดง ทะเบียน ญญ 1276 , เฟอรารี่ สีเหลือง เลขทะเบียนฎจ 2686, พอร์เช่ร์ สีดำ ทะเบียนกฉ.703, เบนซ์ลีย์ สีน้ำตาล ทะเบียน ญภ 323 ,โรสรอยซ์ ทะเบียนกย 6187 นนทบุรี