posttoday

ยายร้องกองปราบฯประสานพ่อเด็กแฝดนำหลักฐานมายืนยันการเลี้ยงดู

30 เมษายน 2560

ยายเด็กแฝดร้องกองปราบฯขอให้ช่วยประสานอดีตลูกเขยนำคำสั่งศาลมายืนยันสิทธิ์การเลี้ยงดู เผยห่วงการดูแลไม่ดี

ยายเด็กแฝดร้องกองปราบฯขอให้ช่วยประสานอดีตลูกเขยนำคำสั่งศาลมายืนยันสิทธิ์การเลี้ยงดู เผยห่วงการดูแลไม่ดี

จากกรณีการเรียกร้องสิทธิ์การเลี้ยงดู ด.ญ.หนึ่ง และด.ญ.สอง (นามสมมติ) คู่ฝาแฝด วัย 7 ขวบ ระหว่างฝ่ายพ่อ และป้า,ยายของเด็ก เนื่องจากแม่เด็กแฝดเสียชีวิตตอนคลอด ทำให้ป้าและยายเป็นฝ่ายดูแล กระทั่งต่อมาฝ่ายผู้เป็นพ่อได้กลับมาขอทำหน้าที่พ่อรับเด็กแฝดทั้ง 2 คนกลับไปดูแล ทำให้ยายและป้าไม่ยอม แต่สุดท้ายผู้เป็นพ่อก็สามารถนำตัวเด็กทั้งสองกลับไปเลี้ยงดู ตามที่เคยนำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 เม.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) นางเสาว์ พวงท้าว อายุ 67 ปี ชาว จ.ศรีษะเกษ พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิมพร ลาสอน รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเนื่องจากเกรงว่าด.ญ.หนึ่ง และด.ญ.สอง จะได้รับการเลี้ยงดูไม่ดี นายสุรชัย พลอยไป ซึ่งเป็นพ่อของเด็ก

นางเสาว์ กล่าวว่า การเดินทางมายังกองบังคับการปราบปราบปรามในวันนี้ก็เพื่อต้องการที่จะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเป็นคนกลางในการเชิญตัวพ่อของเด็กให้มาพบ เนื่องจากอยากเห็นหน้าหลานสาวทั้ง 2 คน เพราะหลังจากที่นายสุรชัยพา หลานสาวของตนทั้ง 2 คนกลับดูแลเองแล้วนั้น ตนก็ไม่เคยได้พบเห็นหน้าหลานสาวทั้ง 2 คนอีกเลย จึงทำให้รู้สึกเป็นห่วง เพราะตนเลี้ยงดูหลานทั้ง 2 คนมาตั้งแต่เกิด อีกทั้งตลอดช่วง 7 ปี ที่ผ่านมา นายสุรชัย ได้มาพบหลานสาวทั้ง 2 คนและให้เงินช่วยเหลือ 5,000 – 10,000 บาท ต่อปีเท่านั้น โดยไม่เคยแสดงตนจะเป็นผู้ดูแลอย่างจริงจังแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังทราบอีกว่าปัจจุบันฐานะของนายสุรชัย ไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งยังบุตรชายจากภรรยาอีกคนที่ต้องเลี้ยงดู รวมถึงครอบครัวทางอดีตลูกเขยไม่มีผู้หญิงอยู่ในครอบครัวเลยนอกจากภรรยาใหม่ที่อายุเพียง 20 ปี  ทำให้กังวลว่าอาจดูแลหลานสาวทั้งสองคนได้ไม่ดี

ส่วนการนัดเจรจากับอดีตลูกเขยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้นที่ตนเองไม่ได้เดินทางไปเนื่องจากมีอาการปวดท้อง ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปร่วมเจรจาได้ และตนเองก็ไม่ได้อยากเจอทนายความ แต่อยากเจอหน้าหลานสาวทั้งสองคน

ด้านนายอนุสรณ์ กล่าวว่า ในวันนี้มาลงบันทึกประจำวัน และขอให้ตำรวจเชิญตัวอดีตลูกเขยของคุณยาย โดยขอให้นำเอกสารหลักฐานแสดงความเป็นพ่อเด็กและเอกสารรับรองบุตร หรือคำสั่งศาลมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากที่ผ่านมาทางครอบครัวคุณยายไม่เคยเห็นเอกสารเหล่านี้เลย แม้กระทั่งใบทะเบียนสมรส

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิมพร กล่าวว่า เบื้องต้นได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานตามความประสงค์ของนางเสาว์ เนื่องจากความเป็นความห่วงหลานสาวทั้ง 2 คน แต่เนื่องจากกรณีดังกล่าวนั้นยังไม่พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีอาญาเกิดขึ้น จึงยังไม่สามารถที่จะเชิญตัวนายสุรชัยมาเข้าพบได้

อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดความสบายใจกับทั้ง 2 ฝ่ายตนจึงแนะนำให้นางเสาว์ นั้นไปติดต่อปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยตรง