posttoday

ขนส่งแย้มไฟเขียวนั่งท้ายกระบะได้แต่คุมเข้มจำนวนผู้โดยสาร-ความเร็ว

19 เมษายน 2560

ขบ.แย้มไฟเขียวให้นั่งท้ายกระบะได้ แต่คุมเข้มจำนวนผู้โดยสาร-ความเร็ว คาดผ่อนผันการบังคับใช้มาตรการห้ามนั่งไปตลอดปีนี้

ขบ.แย้มไฟเขียวให้นั่งท้ายกระบะได้ แต่คุมเข้มจำนวนผู้โดยสาร-ความเร็ว คาดผ่อนผันการบังคับใช้มาตรการห้ามนั่งไปตลอดปีนี้

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรณีการบังคับใช้กฎหมายห้ามนั่งท้ายกระบะที่ได้ผ่อนผันไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ขณะนี้ได้เลื่อนการบังคับใช้ไปก่อน  โดยในวันที่ 21 เม.ย.จะหารือร่วมกับทางตำรวจและนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายถึงแนวทางการกำหนดมาตรการต่อไป จึงมีโอกาสที่การบังคับใช้เรื่องดังกล่าวในอนาคตอาจจะไม่เพิ่มกฎหมายที่กระทบวิถีชีวิตดั้งเดิมหรือรูปแบบการทำมาหากินของประชาชนเพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้อยู่อาศัยตลอดจนไม่ส่งผลเสียต่อประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ แต่จะเน้น ความเข้มงวดในกฎหมายเดิมที่มีเช่น กำหนดจำนวนผู้โดยสารท้ายกระบะว่าจะต้องไม่เกินเท่าใด และต้องโดยสารลักษณะเกิดความปลอดภัย รวมถึงจำกัดความเร็วที่มีการบรรทุกผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งบนถนนหลวงกำหนดอัตราความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.อยู่แล้ว

ดังนั้นจะยังคงอนุญาตให้นั่งท้ายกระบะได้ต่อไปเพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพการซื้อรถกระบะของประชาชนเพื่อการใช้ประโยชน์ที่หลากหลาย ทั้งนี้มองว่ารัฐบาลคงยังจะไม่รีบร้อนให้บังคับใช้มาตรการห้ามนั่งท้ายกระบะต่อไปก่อนอย่างน้อยก็ตลอดทั้งปีนี้  

นายสนิทกล่าวต่อว่า เรื่องการบังคับใช้กฎหมายในส่วนของรถตู้สาธารณะที่มีมาตรากำหนดด้านเบาะที่นั่งและจำนวนผู้โดยสารต้องไม่เกิน 13 ที่นั่งนั้นจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 5 พฤษภาคม โดยจะเริ่มจากรถตู้โดยสารหมวด 1 กรุงเทพและปริมณฑล หลังจากนั้นจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในรถตู้ระหว่างจังหวัดหมวด2และหมวด 3 ต่อไปในวันที่ 5 มิถุนายน  ส่วนด้านความคืบหน้าการติดตั้งระบบจีพีเอสในรถตู้นั้นขณะนี้ดำเนินการติดตั้งไปแล้วมากกว่าร้อยละ 90 ของจำนวนรถตู้โดยสารทุกประเภท

พลตำรวจตรีสมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า มาตรการขนส่งท้ายกระบะในอนาคตต้องไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชนในปัจจุบันให้สามารถใช้ได้ตามปกติ เพียงแต่ว่าทางฝ่ายรัฐต้องคำนึงความปลอดภัย ยืนยันว่าประชาชนยังสามารถบังคับคนและสิ่งของยังสามารถทำได้ต่อไปในขณะนี้ แต่โดยส่วนตัวแล้วทางตำรวจยังมองว่าการติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบท้ายกระบะเพื่อป้องกันความปลอดภัยก็เพียงพอแล้วโดยไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายหรือมาตรการบังคับเพิ่มเติม ทั้งนี้ยืนยันว่าภาครัฐบาลจะไม่ดึงดันออกกฎระเบียบใดที่สร้างภาระให้กับประชาชน แต่ต้องบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่เดิมให้เข้มข้นหากต้องการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของประเทศ