posttoday

อุทยานฯ เขาใหญ่แจ้งจับ หนุ่มคัมรี่ตะโกนยั่วโมโหช้างป่า

03 เมษายน 2560

นายครรชิต นพศรีสุวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เเจ้งจับนักท่องเที่ยวพยายามแกล้งช้างป่าด้วยการตะโกนยั่วยุให้ช้างโกรธ

นายครรชิต นพศรีสุวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เเจ้งจับนักท่องเที่ยวพยายามแกล้งช้างป่าด้วยการตะโกนยั่วยุให้ช้างโกรธ

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.นายครรชิต นพศรีสุวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมาเปิดเผยว่า ได้ว่าจะมีการนำหลักฐานภาพถ่ายและคลิปที่ระบุว่าถึงรถนักท่องเที่ยวพยายามแกล้งช้างป่า ด้วยการตะโกนยั่วยุให้ช้างโกรธจนวิ่งไล่ ก่อนจะขับรถหนีแล้วนำมาโชว์ในโลกโซเชียล ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาตัวและแจ้งความดำเนินคดี

ทั้งนี้ จากคลิปที่ปรากฏ ถือว่านักท่องเที่ยวรายดังกล่าว ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ มีการไปตะโกนยั่วแหย่ให้ช้างโกรธ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ เรื่องนี้ได้แจ้งให้นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ รับทราบแล้ว

น.สพ.ภัทรพล มณีอ่อน นายสัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า  กรณีที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากความไม่รู้หรือคึกคะนอง โดยมีพฤติกรรมตะโกนส่งเสียงดังท้าทายช้าง ซึ่งปกติช้างรับเสียงได้ความถี่ต่ำ ในระดับ 12-24 เฮิร์ต ดังนั้นเสียงตะโกนโหวกเหวกท้ายทายจึงเป็นเสียงที่มีคลื่นความถี่สูง เป็นการรบกวนช้าง และทำให้พฤติกรรมของช้างเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดได้

“ช้างตัวนี้เจ้าหน้าที่เรียกกันว่าพี่โยโย่ ถือเป็นนัมเบอร์วันในเวลานี้ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากที่ผ่านมามีอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้กับช้างตัวอื่น และตอบสนองต่อการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ซึ่งจะแสดงอาการหงุดหงิดง่าย ถึงแม้ว่าเคสนี้ คนในรถจะไม่ได้รับอันตราย แต่ผลกระทบจะเกิดกับคนที่สัญจรไปมาทีหลัง ไม่ใช่ครั้งนี้คนในรถไม่เป็นอันตรายแล้วจบ แต่ผลกระทบได้เกิดกับสังคมและธรรมชาติแล้ว เพราะพฤติกรรมช้างเปลี่ยน และสิ่งที่ผมกังวลมากกว่านั้น คือในรถมีเด็กอยู่ด้วย เราไม่รู้ว่าตอนนั้นเด็กในรถรู้สึกอย่างไร จะรู้สึกสนุกไปด้วยหรือเกลียดกลัวช้างไปเลย พฤติกรรมดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเท่ หรือควรนำมาโอ้อวด ขอให้ออกมารับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจสนุกในสายตาผู้ใหญ่ แต่เป็นการทำร้ายเด็กในรถ” น.สพ.ภัทรพลกล่าว

น.สพ.ภัทรพล กล่าวว่า การไปกระตุ้นช้างในลักษณะดังกล่าว จะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากลำบากขึ้น เพราะทำให้พฤติกรรมช้างเปลี่ยนแปลง การถ่ายรูปเซลฟี่กับช้างหรือใกล้ชิดสัตว์ป่าบางคนอาจคิดว่าเท่หรือโก้เก๋ แต่ถ้าเกิดอันตรายใครจะรับผิดชอบ การอารักขา ดูแลช้างเป็นเรื่องของเจ้าหน้าหากเกิดอันตรายก็คืออยู่ในหน้าที่ แต่หากเกิดกับประชาชนหรือนักท่องเที่ยวช้างจะกลายเป็นจำเลยสิ่งแวดล้อม ทุกคนจะโทษว่าช้างทำร้ายคนหรือก้าวร้าว แต่จริงๆแล้วมีมูลเหตุในการกระตุ้น ขอร้องและวิงวอนว่าอย่าทำเหตุการณ์แบบนี้เด็ดขาด เพราะอุทยานฯ มีกฎระเบียบให้ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด