สตช.เร่งตามตัว "โกตี๋" หนีกบดานประเทศเพื่อนบ้าน

รองโฆษก สตช. ยัน เร่งตามตัว "โกตี๋" หนีกบดานประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับขบวนการลักลอบสะสมอาวุธสงคราม เครือข่ายของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ ว่า พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการติดตามตัวนายวุฒิพงศ์อย่างต่อเนื่อง โดยการข่าวมีข้อมูลว่านายวุฒิพงศ์หลบหนีอยู่ภายในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนประเทศเพื่อนบ้านจะมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ นั้น ไม่เป็นกังวลเนื่องจากเจ้าหน้าที่มีวิธีติดตามตัวอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนของพนักงานสอบสวนส่วนจะต้องมีการโอนคดีไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือไม่นั้น ต้องรอพนักงานสอบสวนพิจารณาว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงกับคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดูแลหรือไม่ หากมีความเชื่อมโยงก็จะโอนคดีไปรวมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทุกกรณีอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน

สำหรับกรณีการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้มีการบูรณาการกำลังทุกภาคส่วนในการดูแลความสงบเรียบร้อย แม้ไทยจะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่ทางการไทยก็ไม่ประมาท มีการคัดกรองบุคคลที่ผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ ยังเปิดเผยถึงกรณีที่นายกิตติภูมิ หรือ เดียร์ เอี่ยมสุข บุตรชายของโหน่ง ชะชะช่า ขับรถชนคู่กรณี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยยืนยัน ไม่พบแอลกอฮอล์ในเลือดของนายกิตติภูมิ และภายหลังเกิดเหตุนายกิตติภูมิได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย  ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรศพจากรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ว่าผู้เสียชีวิตมีการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเสียชีวิตหรือไม่

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กฤษณะ ยังได้ฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนให้เคารพกฎหมาย โดยเฉพาะการควบคุมความเร็วของรถไม่ให้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกฎหมายที่บังคับใช้ก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไม่ได้บังคับใช้เพื่อกลั่นแกล้งใคร