posttoday

ทลายอู่ชำแหละรถมือ2 –ปลอมเล่มทะเบียน

25 กุมภาพันธ์ 2560

ผบช.น. แถลงบุกทลายอู่ จ.ลพบุรี ชำแหละรถมือ2 –ปลอมเล่มทะเบียน หลอกขายลูกค้า

ผบช.น. แถลงบุกทลายอู่ จ.ลพบุรี ชำแหละรถมือ2 –ปลอมเล่มทะเบียน หลอกขายลูกค้า

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รอง ผบช.น. ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ บช.น. (ศปจร.น.) พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว ผกก.สส.บก.น.6 พ.ต.ท.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผกก.สส.สน.ลำผักชี พ.ต.ต.ปรัชญา สุราวุธ ผบ.ร้อย กก.คฝ.2 แถลงจับกุมตัว น.ส.ปิยะภร ปลายสันเทียะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 201/1 หมู่ 4 ต.สายออ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมาพร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ยี่ห้อโรเวอร์ รุ่นมินิ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน กง 1864 อุตรดิตถ์ ไม่พบหมายเลขตัวรถและหมายเลขเครื่องยนต์ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีบี 400 สีแดง ติดแผ่นป้ายทะเบียน กรม 997 ลพบุรี ไม่พบหมายเลขตัวรถและหมายเลขเครื่องยนต์ รถยนต์ยี่ห้อมินิคูปเปอร์ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถยนต์ ยี่ห้อโรเวอร์ รุ่นมินิ สีเขียว ติดแผ่นป้ายทะเบียน ฌฎ 356 กรุงเทพมหานคร ไม่พบหมายเลขตัวรถและหมายเลขเครื่องยนต์ รถยนต์ยี่ห้อโรเวอร์ รุ่นมินิ สีม่วง ติดแผ่นป้ายทะเบียน กล 8694 กรุงเทพมหานคร ไม่พบหมายเลขตัวรถและหมายเลขเครื่องยนต์ รถยนต์ ยี่ห้อโรเวอร์ รุ่นมินิ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และแผ่นป้ายทะเบียนรถ คู่มือประจำรถ แผ่นป้ายภาษี แผ่นเพลทเลขตัวรถพร้อมเอกสารคัดลอก ค้อนตอก ตัวตอกเลข ตัวตอกกระดาษ ตัวอักษร A-Z อีกหลายรายการ
 
พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ก.พ. เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้เข้าทำการตรวจค้น บ้านเลขที่ 123/13 ข้างโรงแรมเบญจธารา ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี ตามหมายค้นศาลจังหวัดลพบุรี ที่ 14/2560 ลงวันที่ 24 ก.พ.60 จากการตรวจค้น พบว่าสถานที่ดังกล่าวประกอบกิจการ ในลักษณะชำแหละซากรถยนต์และซ่อมรถยนต์ โดยในการตรวจค้นพบ รถยนต์ยี่ห้อโรเวอร์ รุ่นมินิ และชุดเอกสารประจำตัวรถ หลังจากตรวจสอบในฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วไม่พบข้อมูลแต่อย่างใด พร้อมทั้งตรวจสอบหมายเลขตัวรถซึ่งติดอยู่ที่ตัวรถปรากฏว่า ไม่พบข้อมูลเช่นกัน โดยมี น.ส.ปิยะภร อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวและตรวจค้นภายในบ้านซึ่งตั้งอยู่ภายในอู่ซ่อมรถยนต์พบ ชุดแผ่นป้ายภาษีและของกลางอื่น ประกอบกับตรวจพบชุดอุปกรณ์ตอกอักษรหมายเลขตัวเครื่องรถ สันนิษฐานว่าเป็นชุดเอกสารปลอมและชุดสำหรับตอกอักษรเลขตัวรถปลอมลงในรถยนต์แต่ละคัน

ผบช.น.กล่าวอีกว่า รถรุ่นดังกล่าวคันหนึ่งประมาณ 2-3 แสนบาท หากผ่านการเสียภาษีได้จะมีมูลค่าถึงคันละ 1 ล้านบาท ส่วนเล่มทะเบียนปลอมหรือเอกสารอื่นๆ ขายทั่วไปประมาณ 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การจดทะเบียนรถจดประกอบนั้น ตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ไม่มีการต่อทะเบียนให้รถจดประกอบแล้ว ฝากเตือนผู้ที่ครอบครองรถเหล่านี้ ขอให้ทำการตรวจสอบเลขทะเบียนรถก่อนที่จะซื้อรถยนต์มาใช้ โดยเฉพาะเลขเครื่องยนต์ที่อาจถูกทำขึ้นมาสวมซากรถด้วยวิธีการตอกเลขทำขึ้นใหม่ อาจต้องให้ผู้ชำนาญการตรวจสอบ แต่ข้อสังเกตเบื้องต้นนั้น ขอให้ดูที่เล่มทะเบียนรถยนต์ก่อน ถ้ามีการออกแทนฉบับเดิมที่สูญหายให้พึงระวังไว้ว่าอาจจะเป็นเล่มทะเบียนปลอม รวมถึงรายมือชื่อของเจ้าหน้าที่มีลายเซ็นต์ไม่สามารถยืนยันตัวได้ นอกจากนี้ยังมีการถ่ายเอกสาร พ.ร.บ.รถยนต์แล้วเอาตราวงกลมของกรมการขนส่งตัดออกมาแปะในเอกสารปลอมแล้วทำการเคลือบพลาสติกใส ทั้งนี้ ทางชุดทำงานเกาะติดตามรถทุกชนิดที่ทำผิดกฎหมายติดตามไปพบว่ามีแหล่งผลิตดังกล่าวจึงขอหมายค้นเข้าทำการตรวจสอบจนพบการกระทำผิดดังกล่าว ถ้ารถที่ถูกสวมทะเบียนเมื่อครอบครองไว้ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย
 
จากการสอบถาม น.ส.ปิยะภร ให้การว่า ตนทำหน้าที่บริหารจัดการภายในสถานที่ดังกล่าวเท่านั้น แต่ได้ประกอบกิจการในลักษณะค้าของเก่าและลักษณะคล้ายอู่มาแล้วกว่า 10 ปี แต่ไม่มีใบประกอบกิจการค้าของเก่า และยังตรวจทราบว่าสถานที่ดังกล่าวซึ่งประกอบกิจการค้าของเก่าโดยไม่มีการจัดทำบัญชี โดยทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว โดยมีนายอำนวย มณีพงษ์ สามี อายุ 48 ปี เป็นเจ้าของกิจการดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบการกระทำความผิดพบว่า มีการจัดหาทะเบียนซากรถยนต์อุบัติเหตุหรือชำรุดไม่สามารถซ่อมได้ นำมาสวมและจำหน่ายให้ลูกค้า ตอกตัวเลขตัวรถ ทำการปลอมเล่มทะเบียนรถยนต์และแผ่นป้ายภาษีให้ลูกค้า พร้อมทั้งการรับซ่อมและดัดแปลงรถยนต์คลาสสิกให้ลูกค้าเพื่อสวมทะเบียน จัดหาทะเบียนรถยนต์คลาสสิก นำมาสวมรถยนต์ซึ่งนำเข้ามาโดยหลบเลี่ยงภาษีศุลกากรเพื่อจำหน่ายให้ลูกค้า เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันประกอบกิจการค้าของเก่าโดยไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าของเก่า และ ร่วมกันค้าของเก่าโดยไม่มีสมุดบัญชีสำหรับการค้า ก่อนควบคุมตัวส่ง สภ.เมืองลพบุรี ส่วนนายอำนวย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป